2 posters
เรื่องย่่ออีซัน : popcorn
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°1
เรื่องย่่ออีซัน : popcorn
เรื่องย่ออีซันจากป๊อปคอร์นนะคะ จะพยายามมาลงให้ครบที่ในเว็บนู่นมีอ่ะ
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°2
part 1
ในช่วงปี 1762 พระราชา ยองโจแห่งโชซอน มีความหวาดระแวงว่าพระโอรสของพระองค์ องค์ชายซาโด จะทำการล้มล้างราชบัลลังค์และฆ่าพระองค์เสีย จึงจับพระโอรสของตัวเองขังไว้ในกล่องไม้มืดๆ
คืนหนึ่งมีเหล่าขันทีที่ภักดีกับองค์ชายซาโด พยายามช่วยพระองค์โดยเอาน้ำและอาหารไปให้พระองค์ แต่ก็ถูกขุนนางและทหารที่เฝ้ายามอยู่ฆ่าตายหมด
ซงยอน เด็กหญิงกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิต ได้อุ้มน้องชายกำพร้าไปหาเพื่อนของพ่อ เพื่อให้ช่วยส่งตัวเธอเข้าวังเพื่อไปเป็นหญิงรับใช้ในวัง ส่วนน้องชายเธอถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวคนรวยในเมือง
ก่อนลาจากน้องชาย ซงยอนซึ่งมีพรสวรรค์ในการวาดรูป จึงได้วาดรูปพ่อแม่ของน้องชายของตัวเองเก็บไว้เพื่อจะได้ไม่ลืม
องค์ชายลีซัน พระโอรสขององค์ชายซาโด ซึ่งทราบข่าวว่าขันทีที่นำอาหารและน้ำไปให้พระบิดาถูกฆ่าตายหมด
เป็นห่วงพระบิดาที่ไม่ได้กินอะไรมา 6 วันแล้ว ตั้งใจจะลักลอบเอาอาหารและน้ำไปให้พระบิดาด้วยพระองค์เอง แต่ก็ถูกเตือนว่าการทำอย่างนั้นเท่ากับเป็นกบฎต่อราชวงศ์
ขณะเดียวกันนั้น มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อ แดซู ที่กำลังฝึกอบรม เพื่อเตรียมตัวจะเป็นขันที กลับเปลี่ยนใจไม่อยากจะเป็นขันทีอีกแล้ว จึงหลบหนีออกมา แล้วได้พบกับเด็กหญิง ซงยอน ที่กำลังฝึกจะเป็นหญิงรับใช้
ซงยอนถามเกี่ยวกับการเป็นขันทีว่าเป็นยังไง แดซูจึงอธิบายให้ฟัง และบอกว่าเขาไม่อยากเป็นขันทีอีกแล้ว
ในคืนนั้นเอง องค์ชายลีซันพยายามแอบมาที่ลังไม้ที่ขังพระบิดาไว้ ได้พบกับเด็กหญิงซงยอนที่ได้รับคำสั่งว่าไปเอาอาหารจากในครัว และแดซู ซึ่งกำลังหาทางหนีออกจากวัง
องค์ชายจึงขอให้ทั้งสองช่วยเขา ซงยอนยินดีช่วยเพื่อแลกกับให้องค์ชายช่วยเธอหาอาหารในครัว และเดซูกลับไม่ยอมช่วย แยกไปอีกทางหนึ่ง
องค์ชายมาถึงลังไม้ที่ขังพระบิดา ถึงกับร้องไห้เมื่อพระบิดายื่นมือมาให้จับ และขอให้พระบิดากินอะไรบ้าง
องค์ชายซาโดสั่งพระโอรสว่าให้ไปหาภาพวาดภาพหนึ่ง และเอาภาพนั้นไปให้พระราชายองโจดู
ในคืนเดียวกัน มเหสีจองชุน มาถึงหน้าห้องของพระราชายองโจ เพื่ออ้อนวอนขอให้พระราชาไปเยี่ยมองค์ชายซาโด บ้าง ถึงแม้องค์ชายซาโดไม่ใช่ลูกของนาง แต่นางก็คิดว่าเขาเป็นลูก
พระราชาจึงใจอ่อน เสด็จไปหาพระโอรส แดซูที่กำลังหาทางออกจากวัง มาเจอว่าพระราชากำลังไปที่ลังไม้ จึงกลับไปหาองค์ชายลีซันและซงยอนและบอกข่าวให้รีบหนีไป
พระราชามาถึงเห็นอาหารที่เหลือทิ้งไว้ จึงให้รีบหาตัวคนนำอาหารมา เด็กทั้งสามคนหนีรอดจากทหารยามมาได้ และให้คำสัญญาต่อกันว่าจะเก็บเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นความลับ
วันรุ่งขึ้น พระราชาสอบถามเหล่าขุนนางใครเป็นคนนำอาหารและน้ำไปให้องค์ชายซาโด แต่ไม่มีใครยอมรับ พระราชาจึงสั่งห้ามทุกคนไม่ให้ออกจากเขตที่พักของตัวเอง
ลีซันไปเข้าเฝ้าพระราชาและขอให้เปิดวังทางด้านตะวันออกซึ่งเป็นห้องศิลปะและเก็บภาพว
าดของพระบิดาไว้ พระราชาไม่สนใจคำขอร้องของลีซันและพระองค์กำลังเตรียมออกจากวัง
ลีซันจึงถามว่าพระราชาจะทิ้งวังและปล่อยให้พระบิดาของเขาตายได้อย่างไร ทำไมท่านถึงเลือดเย็นแบบนี้ พระราชาจึงสั่งให้องค์ชายลีซันออกไปจากวัง
คืนหนึ่งมีเหล่าขันทีที่ภักดีกับองค์ชายซาโด พยายามช่วยพระองค์โดยเอาน้ำและอาหารไปให้พระองค์ แต่ก็ถูกขุนนางและทหารที่เฝ้ายามอยู่ฆ่าตายหมด
ซงยอน เด็กหญิงกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิต ได้อุ้มน้องชายกำพร้าไปหาเพื่อนของพ่อ เพื่อให้ช่วยส่งตัวเธอเข้าวังเพื่อไปเป็นหญิงรับใช้ในวัง ส่วนน้องชายเธอถูกรับเลี้ยงโดยครอบครัวคนรวยในเมือง
ก่อนลาจากน้องชาย ซงยอนซึ่งมีพรสวรรค์ในการวาดรูป จึงได้วาดรูปพ่อแม่ของน้องชายของตัวเองเก็บไว้เพื่อจะได้ไม่ลืม
องค์ชายลีซัน พระโอรสขององค์ชายซาโด ซึ่งทราบข่าวว่าขันทีที่นำอาหารและน้ำไปให้พระบิดาถูกฆ่าตายหมด
เป็นห่วงพระบิดาที่ไม่ได้กินอะไรมา 6 วันแล้ว ตั้งใจจะลักลอบเอาอาหารและน้ำไปให้พระบิดาด้วยพระองค์เอง แต่ก็ถูกเตือนว่าการทำอย่างนั้นเท่ากับเป็นกบฎต่อราชวงศ์
ขณะเดียวกันนั้น มีเด็กชายคนหนึ่งชื่อ แดซู ที่กำลังฝึกอบรม เพื่อเตรียมตัวจะเป็นขันที กลับเปลี่ยนใจไม่อยากจะเป็นขันทีอีกแล้ว จึงหลบหนีออกมา แล้วได้พบกับเด็กหญิง ซงยอน ที่กำลังฝึกจะเป็นหญิงรับใช้
ซงยอนถามเกี่ยวกับการเป็นขันทีว่าเป็นยังไง แดซูจึงอธิบายให้ฟัง และบอกว่าเขาไม่อยากเป็นขันทีอีกแล้ว
ในคืนนั้นเอง องค์ชายลีซันพยายามแอบมาที่ลังไม้ที่ขังพระบิดาไว้ ได้พบกับเด็กหญิงซงยอนที่ได้รับคำสั่งว่าไปเอาอาหารจากในครัว และแดซู ซึ่งกำลังหาทางหนีออกจากวัง
องค์ชายจึงขอให้ทั้งสองช่วยเขา ซงยอนยินดีช่วยเพื่อแลกกับให้องค์ชายช่วยเธอหาอาหารในครัว และเดซูกลับไม่ยอมช่วย แยกไปอีกทางหนึ่ง
องค์ชายมาถึงลังไม้ที่ขังพระบิดา ถึงกับร้องไห้เมื่อพระบิดายื่นมือมาให้จับ และขอให้พระบิดากินอะไรบ้าง
องค์ชายซาโดสั่งพระโอรสว่าให้ไปหาภาพวาดภาพหนึ่ง และเอาภาพนั้นไปให้พระราชายองโจดู
ในคืนเดียวกัน มเหสีจองชุน มาถึงหน้าห้องของพระราชายองโจ เพื่ออ้อนวอนขอให้พระราชาไปเยี่ยมองค์ชายซาโด บ้าง ถึงแม้องค์ชายซาโดไม่ใช่ลูกของนาง แต่นางก็คิดว่าเขาเป็นลูก
พระราชาจึงใจอ่อน เสด็จไปหาพระโอรส แดซูที่กำลังหาทางออกจากวัง มาเจอว่าพระราชากำลังไปที่ลังไม้ จึงกลับไปหาองค์ชายลีซันและซงยอนและบอกข่าวให้รีบหนีไป
พระราชามาถึงเห็นอาหารที่เหลือทิ้งไว้ จึงให้รีบหาตัวคนนำอาหารมา เด็กทั้งสามคนหนีรอดจากทหารยามมาได้ และให้คำสัญญาต่อกันว่าจะเก็บเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นความลับ
วันรุ่งขึ้น พระราชาสอบถามเหล่าขุนนางใครเป็นคนนำอาหารและน้ำไปให้องค์ชายซาโด แต่ไม่มีใครยอมรับ พระราชาจึงสั่งห้ามทุกคนไม่ให้ออกจากเขตที่พักของตัวเอง
ลีซันไปเข้าเฝ้าพระราชาและขอให้เปิดวังทางด้านตะวันออกซึ่งเป็นห้องศิลปะและเก็บภาพว
าดของพระบิดาไว้ พระราชาไม่สนใจคำขอร้องของลีซันและพระองค์กำลังเตรียมออกจากวัง
ลีซันจึงถามว่าพระราชาจะทิ้งวังและปล่อยให้พระบิดาของเขาตายได้อย่างไร ทำไมท่านถึงเลือดเย็นแบบนี้ พระราชาจึงสั่งให้องค์ชายลีซันออกไปจากวัง
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°3
part 2
แดซู เด็กชายที่ไม่อยากเป็นขันที ถูกทหารยามจับตัวเพราะได้ตรวจใต้รองเท้าว่ามีโคลนติดอยู่ ต้องสงสัยว่าจะเป็นคนร้าย ทหารยามสั่งให้แดซูบอกว่ามีใครอีกบ้าง แดซูบอกว่าไม่มีใคร เขาทำคนเดียว ทหารยามไม่เชื่อ จึงจับตัวเดซูไปเข้าคุก องค์ชายลีซันเห็นแต่ออกไปช่วยไม่ทัน
ส่วนซงยอน ถูกหญิงรับใช้รุ่นพี่ตำหนิที่ทำงานบกพร่อง องค์ชายลีซันมาเห็นเหตุการณ์เข้า จึงสั่งทำโทษหญิงรับใช้รุ่นพี่ ซงยอนจึงรู้ความจริงว่าเพื่อนของเธอเมื่อคืนเป็นถึงองค์ชาย จึงคุกเข่าขออภัยที่ล่วงเกิน องค์ชายบอกว่าไม่เป็นไร และขอบคุณที่ช่วยเขาเมื่อคืน และบอกว่าเขาเห็นเดซูถูกทหารจับตัวไป และกลัวว่าเดซูอาจจะตาย
ลีซันไปหาพระมารดา พระนางฮเย-คยอง เพื่อสารภาพว่าเมื่อคืนเป็นเขาเองที่ไปที่กล่องไม้ที่ขังพระบิดา และขอให้พระมารดาช่วยเดซูเพื่อนของเขาที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย พระนางตกใจเมื่อได้ยินและบอกว่าลีซันอยากให้นางถูกประหารหรือ ลีซันถามพระนางว่า หรือว่านี่เป็นสาเหตุที่พระนางอยู่นิ่งไม่ทำอะไร ไม่ยอมช่วยพระบิดาที่กำลังจะตาย และขอเพียงแต่ให้เขาได้ครองบัลลังก์โดยไม่สนใจความยุติธรรม พระนางจึงสั่งให้ลีซันออกไป และร้องไห้เงียบๆคนเดียว
พระนางฮเย-คยองเตรียมย้ายไปอยู่กับขุนนางฮงพ่อของพระนาง ระหว่างเก็บของ ลีซันนึกขึ้นได้ว่าพระบิดาสั่งให้หาภาพวาดในหีบแดง และเมื่อเห็นหีบแดงใบหนึ่ง ค้นเจอภาพวาดม้วนนั้น
ลีซันวิ่งไปหาซงยอนและบอกว่าเขามีวิธีที่จะช่วยชีวิตพระบิดาแล้ว แต่ว่าพระราชาไปที่ถนนวันจง ไม่ได้อยู่ที่วัง และเขาก็ไม่เคยออกนอกวัง อยากให้ซงยอนวาดแผนที่ถนนเส้นนั้น เพื่อเขาจะได้เอาภาพวาดไปให้พระราชาดู ซงยอนวาดแผนที่ แต่ก็คิดว่าถึงแม้จะมีแผนที่ ลีซันคงไปไม่ถูกเพราะไม่คุ้นภูมิประเทศ ซงยอนบอกว่าจะช่วยพาไปเอง ระหว่างเตรียมขนสัมภาระขึ้นรถม้า องค์ชายลีซันสั่งให้นำหีบใบยักษ์ขึ้นด้วย ซึ่งหีบใบนั้นมีซงยอนซ่อนอยู่ข้างใน และระหว่างเดินทางองค์ชายลีซันได้แอบหนีออกจากรถม้าไปพร้อมกับซงยอน
เดซูที่ถูกจับตัว ได้หลงกลขุนนาง เดซูบอกว่าคนที่ทำผิดจริงๆเป็นเด็กชายอีกคน เมื่อขุนนางเอารูปองค์ชายลีซันมาให้ดู เดซูก็บอกว่าใช่คนนี้ ขอให้ขุนนางช่วยเพื่อนของเขาด้วย ขุนนางคนนั้นจึงไปบอกกับขุนนางฮง ขุนนางฮงจึงบอกให้ปล่อยตัวเดซูไป
องค์ชายลีซันแอบขโมยเสื้อผ้าของเด็กชาวบ้านที่กำลังเล่นน้ำ เมื่อถูกจับได้ เขาดึงแขนซงยอนวิ่งหนีแต่ซงยอนหกล้ม มีแผลที่แขน เมื่อไปถึงกระท่อม ลีซันจึงทำแผลให้ซงยอน โดยเอาสายรัดเอวที่มีตราราชวงศ์มัดไว้ที่แขน (หวานซะ ฉากนี้)
ลีซันและซงยอนแอบขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่กำลังเดินทางไปยังถนนวันจง แต่บังเอิญรถม้าคันนั้นเป็นของกลุ่มโจร จึงพยายามลงจากรถม้า แต่ลีซันทำภาพวาดตกที่ใต้รถม้า จึงกลับไปเอาและถูกจับตัว ส่วนซงยอนรอดไปได้ ซงยอนไปแจ้งตำรวจเกี่ยวกับกลุ่มโจร แต่ตำรวจไม่สนใจ ลีซันถูกขังอยู่ในกระท่อม ตะโกนบอกว่าเขาเป็นหลานของพระราชา แต่ถูกกลุ่มโจรหัวเราะเยาะ
ในกระท่อมที่ขังลีซัน ลีซันได้เจอเดซูที่นอนหลับอยู่ (บังเอิญอะไรอเย่างนี้) เดซูตื่นขึ้นมาเห็นลีซันก็ทุบตีลีซันซะน่วม โทษฐานทำให้เขาตกระกำลำบาก
ที่ถนนวันจง พระราชายองโจกำลังฟังราษฎรร้องเรียนเกี่ยวกับการคอรัปชั่น พระราชาให้ไต่สวนเรื่องนี้
ขุนนางฮงได้ยินว่ามีเด็กชายคนหนึ่งพูดว่าเป็นหลานพระราชา จึงสั่งทหารไปบุกที่รังโจร กลุ่มโจรที่กำลังจะฆ่าเดซูกับองค์ชายลีซัน จึงหนีกันโกลาหล ลีซันและเดซูได้โอกาสหนีออกมาด้วยและพบซงยอนที่ซุ่มคอยอยู่ จึงหนีไปด้วยกัน ต่อมาเดซูรู้ว่าลีซันจริงแล้วเป็นองค์ชาย จึงคุกเข่าขอโทษที่ทำร้ายโดยไม่ตั้งใจ ลีซันบอกว่าไม่เป็นไรเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน
ทั้งสามคนก็มาถึงถนนวันจง ลีซันพบว่าเขามาไม่ทันพระราชา พระราชาได้เดินทางกลับไปแล้ว ถึงกับทรุดลงด้วยความผิดหวัง
ลีซันตามมาทันพระราชา ลีซันตีฆ้องเพื่อขอให้พระราชาช่วยเหลือบิดาผู้บริสุทธิ์ของเขา พระราชาตกใจเมื่อเห็นลีซันในสภาพมอมแมม
ลีซันบอกพระราชาว่า บิดาของเขาบอกว่าพระราชาจะเข้าใจเมื่อดูภาพวาดภาพนี้ พระราชาถามว่าลีซันได้พบกับบิดาเมื่อไร ลีซันบอกว่าเขาเป็นคนไปที่กล่องไม้เมื่อคืนนี้และขอให้พระราชาดูภาพวาด แต่พระราชากลับบอกให้ลีซันหุบปากและให้ทหารลากตัวองค์ชายออกไป
ส่วนซงยอน ถูกหญิงรับใช้รุ่นพี่ตำหนิที่ทำงานบกพร่อง องค์ชายลีซันมาเห็นเหตุการณ์เข้า จึงสั่งทำโทษหญิงรับใช้รุ่นพี่ ซงยอนจึงรู้ความจริงว่าเพื่อนของเธอเมื่อคืนเป็นถึงองค์ชาย จึงคุกเข่าขออภัยที่ล่วงเกิน องค์ชายบอกว่าไม่เป็นไร และขอบคุณที่ช่วยเขาเมื่อคืน และบอกว่าเขาเห็นเดซูถูกทหารจับตัวไป และกลัวว่าเดซูอาจจะตาย
ลีซันไปหาพระมารดา พระนางฮเย-คยอง เพื่อสารภาพว่าเมื่อคืนเป็นเขาเองที่ไปที่กล่องไม้ที่ขังพระบิดา และขอให้พระมารดาช่วยเดซูเพื่อนของเขาที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย พระนางตกใจเมื่อได้ยินและบอกว่าลีซันอยากให้นางถูกประหารหรือ ลีซันถามพระนางว่า หรือว่านี่เป็นสาเหตุที่พระนางอยู่นิ่งไม่ทำอะไร ไม่ยอมช่วยพระบิดาที่กำลังจะตาย และขอเพียงแต่ให้เขาได้ครองบัลลังก์โดยไม่สนใจความยุติธรรม พระนางจึงสั่งให้ลีซันออกไป และร้องไห้เงียบๆคนเดียว
พระนางฮเย-คยองเตรียมย้ายไปอยู่กับขุนนางฮงพ่อของพระนาง ระหว่างเก็บของ ลีซันนึกขึ้นได้ว่าพระบิดาสั่งให้หาภาพวาดในหีบแดง และเมื่อเห็นหีบแดงใบหนึ่ง ค้นเจอภาพวาดม้วนนั้น
ลีซันวิ่งไปหาซงยอนและบอกว่าเขามีวิธีที่จะช่วยชีวิตพระบิดาแล้ว แต่ว่าพระราชาไปที่ถนนวันจง ไม่ได้อยู่ที่วัง และเขาก็ไม่เคยออกนอกวัง อยากให้ซงยอนวาดแผนที่ถนนเส้นนั้น เพื่อเขาจะได้เอาภาพวาดไปให้พระราชาดู ซงยอนวาดแผนที่ แต่ก็คิดว่าถึงแม้จะมีแผนที่ ลีซันคงไปไม่ถูกเพราะไม่คุ้นภูมิประเทศ ซงยอนบอกว่าจะช่วยพาไปเอง ระหว่างเตรียมขนสัมภาระขึ้นรถม้า องค์ชายลีซันสั่งให้นำหีบใบยักษ์ขึ้นด้วย ซึ่งหีบใบนั้นมีซงยอนซ่อนอยู่ข้างใน และระหว่างเดินทางองค์ชายลีซันได้แอบหนีออกจากรถม้าไปพร้อมกับซงยอน
เดซูที่ถูกจับตัว ได้หลงกลขุนนาง เดซูบอกว่าคนที่ทำผิดจริงๆเป็นเด็กชายอีกคน เมื่อขุนนางเอารูปองค์ชายลีซันมาให้ดู เดซูก็บอกว่าใช่คนนี้ ขอให้ขุนนางช่วยเพื่อนของเขาด้วย ขุนนางคนนั้นจึงไปบอกกับขุนนางฮง ขุนนางฮงจึงบอกให้ปล่อยตัวเดซูไป
องค์ชายลีซันแอบขโมยเสื้อผ้าของเด็กชาวบ้านที่กำลังเล่นน้ำ เมื่อถูกจับได้ เขาดึงแขนซงยอนวิ่งหนีแต่ซงยอนหกล้ม มีแผลที่แขน เมื่อไปถึงกระท่อม ลีซันจึงทำแผลให้ซงยอน โดยเอาสายรัดเอวที่มีตราราชวงศ์มัดไว้ที่แขน (หวานซะ ฉากนี้)
ลีซันและซงยอนแอบขึ้นรถม้าคันหนึ่งที่กำลังเดินทางไปยังถนนวันจง แต่บังเอิญรถม้าคันนั้นเป็นของกลุ่มโจร จึงพยายามลงจากรถม้า แต่ลีซันทำภาพวาดตกที่ใต้รถม้า จึงกลับไปเอาและถูกจับตัว ส่วนซงยอนรอดไปได้ ซงยอนไปแจ้งตำรวจเกี่ยวกับกลุ่มโจร แต่ตำรวจไม่สนใจ ลีซันถูกขังอยู่ในกระท่อม ตะโกนบอกว่าเขาเป็นหลานของพระราชา แต่ถูกกลุ่มโจรหัวเราะเยาะ
ในกระท่อมที่ขังลีซัน ลีซันได้เจอเดซูที่นอนหลับอยู่ (บังเอิญอะไรอเย่างนี้) เดซูตื่นขึ้นมาเห็นลีซันก็ทุบตีลีซันซะน่วม โทษฐานทำให้เขาตกระกำลำบาก
ที่ถนนวันจง พระราชายองโจกำลังฟังราษฎรร้องเรียนเกี่ยวกับการคอรัปชั่น พระราชาให้ไต่สวนเรื่องนี้
ขุนนางฮงได้ยินว่ามีเด็กชายคนหนึ่งพูดว่าเป็นหลานพระราชา จึงสั่งทหารไปบุกที่รังโจร กลุ่มโจรที่กำลังจะฆ่าเดซูกับองค์ชายลีซัน จึงหนีกันโกลาหล ลีซันและเดซูได้โอกาสหนีออกมาด้วยและพบซงยอนที่ซุ่มคอยอยู่ จึงหนีไปด้วยกัน ต่อมาเดซูรู้ว่าลีซันจริงแล้วเป็นองค์ชาย จึงคุกเข่าขอโทษที่ทำร้ายโดยไม่ตั้งใจ ลีซันบอกว่าไม่เป็นไรเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกัน
ทั้งสามคนก็มาถึงถนนวันจง ลีซันพบว่าเขามาไม่ทันพระราชา พระราชาได้เดินทางกลับไปแล้ว ถึงกับทรุดลงด้วยความผิดหวัง
ลีซันตามมาทันพระราชา ลีซันตีฆ้องเพื่อขอให้พระราชาช่วยเหลือบิดาผู้บริสุทธิ์ของเขา พระราชาตกใจเมื่อเห็นลีซันในสภาพมอมแมม
ลีซันบอกพระราชาว่า บิดาของเขาบอกว่าพระราชาจะเข้าใจเมื่อดูภาพวาดภาพนี้ พระราชาถามว่าลีซันได้พบกับบิดาเมื่อไร ลีซันบอกว่าเขาเป็นคนไปที่กล่องไม้เมื่อคืนนี้และขอให้พระราชาดูภาพวาด แต่พระราชากลับบอกให้ลีซันหุบปากและให้ทหารลากตัวองค์ชายออกไป
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°4
part 3
ทหารมาแจ้งข่าวร้ายว่าองค์ชายซาโดเสียชีวิตแล้ว
ลีซันถูกเรียกตัวกลับเข้าวัง เพื่อที่จะเตรียมตัวเป็นพระราชา
ลีซันร่ำเรียนวิชาอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นกษัตริย์ในอนาคต
ลีซันถูกพระราชาตั้งคำถามว่าการเป็นกษัตริย์นั้นต้องเป็นอย่างไร ลีซันตอบคำถามนี้ไม่ได้
มีกลุ่มขุนนางที่คบคิดจะกำจัดองค์ชายลีซันออกไป
วันต่อมาทหารเข้ามาบอกว่าพบอาวุธที่วังขององค์รัชทายาทลีซัน
พระราชาพูดว่าได้ยินข่าวมานานแล้วว่าองค์ชายซาโดกำลังรวบรวมอาวุธเพื่อล้มล้างบัลลัง
ค์ แต่พระองค์ไม่เชื่อ
พระราชาถามลีซันว่าทำไมอาวุธถึงมาอยู่ที่วังของเจ้า ลีซันบอกว่าไม่รู้เลยว่าอาวุธมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ลีซันถูกเรียกตัวกลับเข้าวัง เพื่อที่จะเตรียมตัวเป็นพระราชา
ลีซันร่ำเรียนวิชาอย่างหนักเพื่อที่จะเป็นกษัตริย์ในอนาคต
ลีซันถูกพระราชาตั้งคำถามว่าการเป็นกษัตริย์นั้นต้องเป็นอย่างไร ลีซันตอบคำถามนี้ไม่ได้
มีกลุ่มขุนนางที่คบคิดจะกำจัดองค์ชายลีซันออกไป
วันต่อมาทหารเข้ามาบอกว่าพบอาวุธที่วังขององค์รัชทายาทลีซัน
พระราชาพูดว่าได้ยินข่าวมานานแล้วว่าองค์ชายซาโดกำลังรวบรวมอาวุธเพื่อล้มล้างบัลลัง
ค์ แต่พระองค์ไม่เชื่อ
พระราชาถามลีซันว่าทำไมอาวุธถึงมาอยู่ที่วังของเจ้า ลีซันบอกว่าไม่รู้เลยว่าอาวุธมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°5
part 4
คนรับใช้และขันทีในวังของลีซันถูกจับไปสอบสวนเกี่ยวกับที่มาของอาวุธที่ซุกซ่อนในวัง
แต่คนรับใช้บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไร
ขุนนางฮงและพระมารดาบอกให้ลีซันสารภาพว่าเป็นอาวุธของพระบิดา ลีซันจะได้ไม่ถูกลงโทษ
ลีซันไปเข้าเฝ้าพระราชาบอกว่าเขาจะไม่สารภาพอะไรทั้งนั้น เพราะอาวุธนั้นไม่ใช่ของพระบิดา
ขันทีนามกับขันทีปาร์ค(ลุงของแดซู)ไปสืบหาที่มาของอาวุธ ในที่สุดก็ได้รู้ต้นตอคนผลิต จึงไปทูลพระราชา
ลีซันกำลังถูกลงโทษที่ไม่ยอมรับสารภาพ แต่พระราชาเสด็จมาพร้อมกับปืนไรเฟิล
และประกาศว่าปืนไรเฟิลนี้บอกวันที่ผลิตว่าผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน แต่องค์ชายซาโดสิ้นพระชนม์เมื่อเดือนพฤษภาคม
ผีไม่สามารถสั่งให้ผลิตอาวุธได้ องค์ชายซาโดจึงพ้นข้อกล่าวหา
แต่ทว่าคนที่ถูกจับในคุกต้นตอที่ผลิตอาวุธถูกฆ่าตายลึกลับ และมีกลุ่มชายสวมชุดดำปิดบังใบหน้าฆ่าทหารผู้ช่วยของขันทีนาม และตามไล่ฆ่าขันทีปาร์ค รวมทั้งแดซูและซงยอน
ทำให้ขันทีปาร์คและเดซูและซงยอนต้องหนีออกไปจากเมืองโดยไม่ได้กล่าวคำลากับลีซัน
เวลาผ่านไปหลายปี คืนนึงลีซันตื่นขึ้นมาเพราะฝันว่าได้ยินเพื่อนในวัยเด็ก2 คนของเขาตะโกนคำลา
และได้ยินมีผู้บุกรุกเข้ามาในห้อง และผู้บุกรุกคนนั้นก็เข้ามาเพื่อพยายามลอบสังหารพระองค์
แต่คนรับใช้บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไร
ขุนนางฮงและพระมารดาบอกให้ลีซันสารภาพว่าเป็นอาวุธของพระบิดา ลีซันจะได้ไม่ถูกลงโทษ
ลีซันไปเข้าเฝ้าพระราชาบอกว่าเขาจะไม่สารภาพอะไรทั้งนั้น เพราะอาวุธนั้นไม่ใช่ของพระบิดา
ขันทีนามกับขันทีปาร์ค(ลุงของแดซู)ไปสืบหาที่มาของอาวุธ ในที่สุดก็ได้รู้ต้นตอคนผลิต จึงไปทูลพระราชา
ลีซันกำลังถูกลงโทษที่ไม่ยอมรับสารภาพ แต่พระราชาเสด็จมาพร้อมกับปืนไรเฟิล
และประกาศว่าปืนไรเฟิลนี้บอกวันที่ผลิตว่าผลิตเมื่อเดือนมิถุนายน แต่องค์ชายซาโดสิ้นพระชนม์เมื่อเดือนพฤษภาคม
ผีไม่สามารถสั่งให้ผลิตอาวุธได้ องค์ชายซาโดจึงพ้นข้อกล่าวหา
แต่ทว่าคนที่ถูกจับในคุกต้นตอที่ผลิตอาวุธถูกฆ่าตายลึกลับ และมีกลุ่มชายสวมชุดดำปิดบังใบหน้าฆ่าทหารผู้ช่วยของขันทีนาม และตามไล่ฆ่าขันทีปาร์ค รวมทั้งแดซูและซงยอน
ทำให้ขันทีปาร์คและเดซูและซงยอนต้องหนีออกไปจากเมืองโดยไม่ได้กล่าวคำลากับลีซัน
เวลาผ่านไปหลายปี คืนนึงลีซันตื่นขึ้นมาเพราะฝันว่าได้ยินเพื่อนในวัยเด็ก2 คนของเขาตะโกนคำลา
และได้ยินมีผู้บุกรุกเข้ามาในห้อง และผู้บุกรุกคนนั้นก็เข้ามาเพื่อพยายามลอบสังหารพระองค์
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°6
part 5
นคืนหนึ่ง มีคนบุกรุกเข้ามาในห้องขององค์ชายลีซัน จะลอบสังหารพระองค์แต่ไม่สำเร็จถูกลีซันจับได้
ลีซันขอให้คนร้ายบอกว่าใครเป็นคนบงการแล้วพระองค์จะช่วยให้รอดพ้นความผิด แต่คนร้ายชิงกินยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อน
ลีซันเห็นคนร้ายอีกคนกำลังหนี จึงออกตาม แต่ไม่พบร่องรอย จึงเรียกทหารยามมาช่วยหา
แต่พระราชาเสด็จมา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลีซันทูลว่ามีคนมาลอบฆ่าเขา
ทหารยามกลับมาบอกว่าไม่มีร่องรอยอะไรเลย ลีซันจึงเชิญพระราชาไปดูที่ห้องนอนของเขา แต่ห้องกลับเรียบร้อยเป็นปกติ
ไม่มีร่องรอยใดๆ พระราชาจึงสงสัยว่าลีซันยังจิตเป็นปกติดีหรือเปล่า
ลีซันคิดว่าทหารยามคงจะให้ความร่วมมือกับคนร้าย มันจึงเป็นแบบนี้
องค์หญิงองจูพระธิดาของพระราชาเสด็จมาหาพระราชา พร้อมกับของขวัญจากไปท่องเที่ยวของนาง
และได้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วังของลีซํน พูดว่าลีซันเกิดอาการวิกลจริตอีกแล้วหรือ
ลีซันไล่ทหารยามออก และก็ไปหาขันทีนาม ขันทีที่คอยช่วยเหลือเขาตลอดเก้าปีที่ผ่านมา ลีซันขอให้ขันทีนามช่วยหาที่มาขอยาพิษที่คนร้ายกิน
ลุงปาร์ค แดซู หลานชาย และซงยอนได้กลับเข้ามาในเมืองหลวงอีกครั้งเมื่อหนึ่งปีก่อน
ซงยอนได้งานเป็นหญิงรับใช้ในศูนย์ศิลปะที่ซึ่งผู้ชายและผู้หญิงถูกฝึกหัดให้เป็นศิลป
ินวาดรูป
ลุงปาร์คเป็นพ่อค้าเร่ชายของจิปาถะ แดซูเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆในเมือง คอยเข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้ที่จัดขึ้น
ซงยอนที่มีพรสวรรค์ในการวาดรูป มักจะถูกหญิงรับใช้แกล้งบ่อยๆ แต่เธอไม่บ่น เธอมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะได้เข้าไปในวังหลวง
และได้พบกับองค์ชายอีกครั้ง
ในวังมีการสอบสวน พระราชาถามลีซันต่อหน้าขุนนางว่าทุกคนคิดว่าลีซันวิกลจริต เป็นจริงหรือเปล่า
ลีซันตอบว่าไม่จริง พระราชาตรัสว่า เพื่อเป็นการพิสูจน์ จะมีทูตจากเมืองจีนมาเยี่ยม ให้ลีซันเตรียมการต้อนรับ
ขันทีนามมาหาลีซันแล้วบอกว่ายาพิษนี้ชื่ออังฮวางใช้สำหรับวาดรูป มันจะกลายเป็นยาพิษถ้าทิ้งไว้นานๆ
ลีซันเสด็จไปเยี่ยมศูนย์ศิลปะด้วยพระองค์เอง แต่ซงยอนกำลังทำงานยุ่งจึงพลาดไม่ได้พบกับลีซันที่เสด็จกลับไปก่อน
คืนนั้น ซงยอนได้ใช้เศษผ้าวาดรูปความทรงจำสมัยเด็ก ที่องค์ชายเคยได้พันแผลให้เธอ
แต่เธอได้ถูกหัวหน้าของศูนย์ศิลปะจับได้ว่าเธอได้ใช้ของของศูนย์โดยพลการจึงโกรธมาก จับเธอไปขังไว้
แดซูได้เห็นภาพขุนนางชอยที่กำลังให้เงินรางวัลแก่คนทำให้ร่องรอยการลอบฆ่าหายไป
ขันทีนามได้พบร่องรอยของยาพิษจึงไปทูลลีซัน ลีซันจึงไปหาต้นตอคนผลิต แต่ได้รับแจ้งว่าคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว
ลีซันขอให้คนร้ายบอกว่าใครเป็นคนบงการแล้วพระองค์จะช่วยให้รอดพ้นความผิด แต่คนร้ายชิงกินยาพิษฆ่าตัวตายไปก่อน
ลีซันเห็นคนร้ายอีกคนกำลังหนี จึงออกตาม แต่ไม่พบร่องรอย จึงเรียกทหารยามมาช่วยหา
แต่พระราชาเสด็จมา ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลีซันทูลว่ามีคนมาลอบฆ่าเขา
ทหารยามกลับมาบอกว่าไม่มีร่องรอยอะไรเลย ลีซันจึงเชิญพระราชาไปดูที่ห้องนอนของเขา แต่ห้องกลับเรียบร้อยเป็นปกติ
ไม่มีร่องรอยใดๆ พระราชาจึงสงสัยว่าลีซันยังจิตเป็นปกติดีหรือเปล่า
ลีซันคิดว่าทหารยามคงจะให้ความร่วมมือกับคนร้าย มันจึงเป็นแบบนี้
องค์หญิงองจูพระธิดาของพระราชาเสด็จมาหาพระราชา พร้อมกับของขวัญจากไปท่องเที่ยวของนาง
และได้ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วังของลีซํน พูดว่าลีซันเกิดอาการวิกลจริตอีกแล้วหรือ
ลีซันไล่ทหารยามออก และก็ไปหาขันทีนาม ขันทีที่คอยช่วยเหลือเขาตลอดเก้าปีที่ผ่านมา ลีซันขอให้ขันทีนามช่วยหาที่มาขอยาพิษที่คนร้ายกิน
ลุงปาร์ค แดซู หลานชาย และซงยอนได้กลับเข้ามาในเมืองหลวงอีกครั้งเมื่อหนึ่งปีก่อน
ซงยอนได้งานเป็นหญิงรับใช้ในศูนย์ศิลปะที่ซึ่งผู้ชายและผู้หญิงถูกฝึกหัดให้เป็นศิลป
ินวาดรูป
ลุงปาร์คเป็นพ่อค้าเร่ชายของจิปาถะ แดซูเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆในเมือง คอยเข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้ที่จัดขึ้น
ซงยอนที่มีพรสวรรค์ในการวาดรูป มักจะถูกหญิงรับใช้แกล้งบ่อยๆ แต่เธอไม่บ่น เธอมีความฝันว่าสักวันหนึ่งเธออาจจะได้เข้าไปในวังหลวง
และได้พบกับองค์ชายอีกครั้ง
ในวังมีการสอบสวน พระราชาถามลีซันต่อหน้าขุนนางว่าทุกคนคิดว่าลีซันวิกลจริต เป็นจริงหรือเปล่า
ลีซันตอบว่าไม่จริง พระราชาตรัสว่า เพื่อเป็นการพิสูจน์ จะมีทูตจากเมืองจีนมาเยี่ยม ให้ลีซันเตรียมการต้อนรับ
ขันทีนามมาหาลีซันแล้วบอกว่ายาพิษนี้ชื่ออังฮวางใช้สำหรับวาดรูป มันจะกลายเป็นยาพิษถ้าทิ้งไว้นานๆ
ลีซันเสด็จไปเยี่ยมศูนย์ศิลปะด้วยพระองค์เอง แต่ซงยอนกำลังทำงานยุ่งจึงพลาดไม่ได้พบกับลีซันที่เสด็จกลับไปก่อน
คืนนั้น ซงยอนได้ใช้เศษผ้าวาดรูปความทรงจำสมัยเด็ก ที่องค์ชายเคยได้พันแผลให้เธอ
แต่เธอได้ถูกหัวหน้าของศูนย์ศิลปะจับได้ว่าเธอได้ใช้ของของศูนย์โดยพลการจึงโกรธมาก จับเธอไปขังไว้
แดซูได้เห็นภาพขุนนางชอยที่กำลังให้เงินรางวัลแก่คนทำให้ร่องรอยการลอบฆ่าหายไป
ขันทีนามได้พบร่องรอยของยาพิษจึงไปทูลลีซัน ลีซันจึงไปหาต้นตอคนผลิต แต่ได้รับแจ้งว่าคนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°7
part 6
ขันทีนามและลีซันได้เห็นศพของคนที่ทำยาพิษถูกลากขึ้นมาจากแม่น้ำ
ลีซันโกรธมากจะไปหาตำรวจหลวงให้สืบหาว่าใครเป็นคนฆ่า
ขันทีนามห้ามไว้บอกว่าให้ลีซันใจเย็นๆไม่งั้นจะเข้าทางคนบงการ
ลีซันจึงระงับความโกรธและสั่งให้ขันทีนามดูแลครอบครัวคนตายด้วย
ขันทีนามเห็นห่อผ้าที่เป็นของผู้ตายจึงแกะออกดู และเห็นผ้าที่เขียนด้วยอักษรสี่ตัวที่ไม่มีความหมายอะไร
แต่ลีซันก็สามารถแก้ปริศนาของอักษรสี่ตัวนั้นได้ แปลความออกมาได้ว่าให้ปลิดชีวิตท่านทูตจากจีนเสีย
ที่ศูนย์ศิลปะศิลปินวาดรูปคิม(เพื่อนของซงยอน) ได้เอารูปที่ซงยอนวาดไปให้ท่านหัวหน้าปาร์คดู
และบอกว่าเธอวาดรูปได้สวยงามมาก และขอให้อภัยโทษให้เธอ
ท่านหัวหน้าปาร์คยังไม่มั่นใจว่าเธอวาดรูปนี้จริงๆ
คิมไปที่ห้องขังและแอบช่วยซงยอนออกมา แต่ไปไม่รอดถูกจับได้ก่อน
ซงยอนถูกกล่าวหาว่าเธอเป็นคนขโมยของภายในศูนย์ศิลปะที่หายไปและยังคิดหลบหนีการคุมขั
ง
ซงยอนจึงโดนโทษหนักกว่าเดิม ถูกสั่งให้โบยอย่างหนัก 30 ครั้ง
ท่านหัวหน้าปาร์คเดินผ่านมาได้ยิน ก็ตำหนิว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป และถามหาหลักฐานการขโมย ซึ่งไม่มี
คนตัดสินโทษบอกว่าซงยอนยังมีความผิดอยู่ดีที่เธอเป็นแค่หญิงรับใช้แต่ก็แอบวาดรูป
ท่านหัวหน้าปาร์คบอกว่าไม่มีกฎห้ามว่าหญิงรับใช้ไม่สามารถวาดรูปได้ ซงยอนจึงพ้นข้อกล่าวหา
ท่านหัวหน้าปาร์คพูดว่ารูปที่ซงยอนวาดเป็นรูปขององค์ชายน้อยลีซัน
และบอกว่าซงยอนสามารถไปร่วมงานวาดรูปที่วังหลวงได้
ลีซันแจ้งแก่เหล่าขุนนางว่าพระองค์จะเปลี่ยนสถานที่รับรองท่านทูตจากเมืองจีน
ขุนนางชอยก็เข้าใจว่าลีวันเกิดระแคะระคายแล้วว่าจะมีเหตุร้ายเกิดกับท่านทูตจีน จึงไปทูลองค์หญิงองจู
องค์หญิงองจูจึงชมว่าเพราะว่าลีซันเป็นคนฉลาดเขาจึงรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้
ขุนนางชอยบอกว่าลีซันยังไม่รู้จริงๆหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับท่านทูตจีน
พระองค์แค่เปลี่ยนอะไรหลายอย่างเพื่อป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น
ท่านทูตจากจีนมาถึง ลีซันมาต้อนรับ ท่านทูตพอใจการต้อนรับของลีซันมาก
คนจากศูนย์ศิลปะมาถึงในวังเพื่อวาดรูปให้ความบันเทิงแก่แขกที่มา
โชบิหญิงรับใช้ที่ไม่พอใจซงยอนและกลั้นแกล้งซงยอนบ่อยๆได้ออกอุบายแกล้งซงยอนให้บดแป
้งให้เป็นสีให้นาง
เพื่อให้ซงยอนไม่ทันเข้าร่วมงาน
ข้างนอกวัง มีกลุ่มโจรเข้าไปขโมยสินค้าบรรณาการโดยได้รับคำสั่งมาจากในวัง
แดซูที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เมื่อเข้าใจว่าเขากำลังเป็นขโมย จึงอยากถอนตัว
แต่หัวหน้าโจรขู่ว่าถ้าถอนตัวไปซงยอนกับลุงปาร์คจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แดซูจึงจำใจทำ
เพื่อทำให้ทูตจากจีนพอใจ ลีซันจึงให้ศิลปินวาดรูปมาวาดรูปให้ชม
ท่านหัวหน้าปาร์คไปหาผู้ช่วยแต่ไม่เห็นใคร เหลือแต่ซงยอนคนเดียว จึงให้เธอเป็นผู้ช่วยเขา
และซงยอน ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นหน้าลีซันในที่สุด แต่ก็ต้องเศร้าเพราะลีซันจำเธอไม่ได้
ขณะที่องค์ชายเลี้ยงอาหารท่านทูต ท่านหัวหน้าปาร์คก็วาดรูปไปพลางซึ่งมีซงยอนเป็นผู้ช่วย
ซงยอนแอบมองเจ้าชายบ่อยๆ ถึงกับได้สบตากันครั้งหนึ่ง
ท่านทูตจีนพอใจภาพวาดมาก แต่ที่เขาสนใจมากกว่านั้นคือซงยอนที่เป็นผู้ช่วยศิลปิน
ขุนนางบอกว่าถ้าท่านทูตพอใจซงยอนก็จะใช้นางมาคอยให้ความบันเทิงท่าน
หัวหน้าปาร์คพยายามห้ามบอกว่านางเป็นแค่หญิงรับใช้ในศูนย์ศิลปะไม่ใช่ผู้หญิงบริการ
ขุนนางต่อว่าหัวหน้าปาร์คกล้าดียังไงถึงพูดอย่างนี้และสั่งให้ขันทีนำซงยอนไปที่ห้อง
ของท่านทูตจีน
และแล้วองค์ชายก็สั่งให้ทุกคนหยุดและให้ปล่อยตัวซงยอนไป
ลีซันโกรธมากจะไปหาตำรวจหลวงให้สืบหาว่าใครเป็นคนฆ่า
ขันทีนามห้ามไว้บอกว่าให้ลีซันใจเย็นๆไม่งั้นจะเข้าทางคนบงการ
ลีซันจึงระงับความโกรธและสั่งให้ขันทีนามดูแลครอบครัวคนตายด้วย
ขันทีนามเห็นห่อผ้าที่เป็นของผู้ตายจึงแกะออกดู และเห็นผ้าที่เขียนด้วยอักษรสี่ตัวที่ไม่มีความหมายอะไร
แต่ลีซันก็สามารถแก้ปริศนาของอักษรสี่ตัวนั้นได้ แปลความออกมาได้ว่าให้ปลิดชีวิตท่านทูตจากจีนเสีย
ที่ศูนย์ศิลปะศิลปินวาดรูปคิม(เพื่อนของซงยอน) ได้เอารูปที่ซงยอนวาดไปให้ท่านหัวหน้าปาร์คดู
และบอกว่าเธอวาดรูปได้สวยงามมาก และขอให้อภัยโทษให้เธอ
ท่านหัวหน้าปาร์คยังไม่มั่นใจว่าเธอวาดรูปนี้จริงๆ
คิมไปที่ห้องขังและแอบช่วยซงยอนออกมา แต่ไปไม่รอดถูกจับได้ก่อน
ซงยอนถูกกล่าวหาว่าเธอเป็นคนขโมยของภายในศูนย์ศิลปะที่หายไปและยังคิดหลบหนีการคุมขั
ง
ซงยอนจึงโดนโทษหนักกว่าเดิม ถูกสั่งให้โบยอย่างหนัก 30 ครั้ง
ท่านหัวหน้าปาร์คเดินผ่านมาได้ยิน ก็ตำหนิว่าเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินไป และถามหาหลักฐานการขโมย ซึ่งไม่มี
คนตัดสินโทษบอกว่าซงยอนยังมีความผิดอยู่ดีที่เธอเป็นแค่หญิงรับใช้แต่ก็แอบวาดรูป
ท่านหัวหน้าปาร์คบอกว่าไม่มีกฎห้ามว่าหญิงรับใช้ไม่สามารถวาดรูปได้ ซงยอนจึงพ้นข้อกล่าวหา
ท่านหัวหน้าปาร์คพูดว่ารูปที่ซงยอนวาดเป็นรูปขององค์ชายน้อยลีซัน
และบอกว่าซงยอนสามารถไปร่วมงานวาดรูปที่วังหลวงได้
ลีซันแจ้งแก่เหล่าขุนนางว่าพระองค์จะเปลี่ยนสถานที่รับรองท่านทูตจากเมืองจีน
ขุนนางชอยก็เข้าใจว่าลีวันเกิดระแคะระคายแล้วว่าจะมีเหตุร้ายเกิดกับท่านทูตจีน จึงไปทูลองค์หญิงองจู
องค์หญิงองจูจึงชมว่าเพราะว่าลีซันเป็นคนฉลาดเขาจึงรอดชีวิตมาจนถึงตอนนี้
ขุนนางชอยบอกว่าลีซันยังไม่รู้จริงๆหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับท่านทูตจีน
พระองค์แค่เปลี่ยนอะไรหลายอย่างเพื่อป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น
ท่านทูตจากจีนมาถึง ลีซันมาต้อนรับ ท่านทูตพอใจการต้อนรับของลีซันมาก
คนจากศูนย์ศิลปะมาถึงในวังเพื่อวาดรูปให้ความบันเทิงแก่แขกที่มา
โชบิหญิงรับใช้ที่ไม่พอใจซงยอนและกลั้นแกล้งซงยอนบ่อยๆได้ออกอุบายแกล้งซงยอนให้บดแป
้งให้เป็นสีให้นาง
เพื่อให้ซงยอนไม่ทันเข้าร่วมงาน
ข้างนอกวัง มีกลุ่มโจรเข้าไปขโมยสินค้าบรรณาการโดยได้รับคำสั่งมาจากในวัง
แดซูที่อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เมื่อเข้าใจว่าเขากำลังเป็นขโมย จึงอยากถอนตัว
แต่หัวหน้าโจรขู่ว่าถ้าถอนตัวไปซงยอนกับลุงปาร์คจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แดซูจึงจำใจทำ
เพื่อทำให้ทูตจากจีนพอใจ ลีซันจึงให้ศิลปินวาดรูปมาวาดรูปให้ชม
ท่านหัวหน้าปาร์คไปหาผู้ช่วยแต่ไม่เห็นใคร เหลือแต่ซงยอนคนเดียว จึงให้เธอเป็นผู้ช่วยเขา
และซงยอน ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นหน้าลีซันในที่สุด แต่ก็ต้องเศร้าเพราะลีซันจำเธอไม่ได้
ขณะที่องค์ชายเลี้ยงอาหารท่านทูต ท่านหัวหน้าปาร์คก็วาดรูปไปพลางซึ่งมีซงยอนเป็นผู้ช่วย
ซงยอนแอบมองเจ้าชายบ่อยๆ ถึงกับได้สบตากันครั้งหนึ่ง
ท่านทูตจีนพอใจภาพวาดมาก แต่ที่เขาสนใจมากกว่านั้นคือซงยอนที่เป็นผู้ช่วยศิลปิน
ขุนนางบอกว่าถ้าท่านทูตพอใจซงยอนก็จะใช้นางมาคอยให้ความบันเทิงท่าน
หัวหน้าปาร์คพยายามห้ามบอกว่านางเป็นแค่หญิงรับใช้ในศูนย์ศิลปะไม่ใช่ผู้หญิงบริการ
ขุนนางต่อว่าหัวหน้าปาร์คกล้าดียังไงถึงพูดอย่างนี้และสั่งให้ขันทีนำซงยอนไปที่ห้อง
ของท่านทูตจีน
และแล้วองค์ชายก็สั่งให้ทุกคนหยุดและให้ปล่อยตัวซงยอนไป
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°8
part 7
หลังจากที่ลีซันบอกให้ปล่อยตัวซงยอน ลีซันก็เสนอนางกำนัลในวังคนอื่นให้คอยปรนนิบัติท่านทูตวังยูแทน วังยูไม่ยอมกลับบอกว่าเพราะซงยอนเป็นนางกำนัลของศูนย์ศิลปะ
เขาจะหายโกรธถ้าซงยอนวาดรูปให้ดู และถ้าเธอมีความสามารถด้านนั้นจริง เขาจะปล่อยเธอไป ก่อนซงยอนจะวาด วังยูได้กำหนดเงื่อนไขการวาดให้ยากยิ่งขึ้นอีก เพื่อซงยอนจะได้วาดไม่ได้
และทุกคนต้องตกตะลึง เมื่อซงยอนสามารถวาดรูปได้ตามที่วังยูต้องการ วังยูจึงยอมปล่อยตัวซงยอนไป และบอกว่าเขาจะกลับมาใหม่ในอีกสองวัน
ขันทีนามมารายงานลีซันว่าสินค้าที่โดนโขมยไม่มีร่องรอยอะไรให้สืบพบเลย ลีซันบอกว่าถ้าจำเป็นต้องทำสินค้าขึ้นใหม่เพื่อทดแทนที่หายไป เขาก็จะทำ
ลีซันเจอปัญหาว่าไม่สามารถหาผ้าขาวจำนวน 150 พับมาแทนได้ทันเวลา วังยูโมโหโกรธากำลังจะออกจากเมืองไป แต่จอง ฮู คยอม(ลูกชายบุญธรรมขององค์หญิงองจู) ได้ปรากฏตัวขึ้น
และยับยั้งวังยูไม่ให้จากไป และทูลบอกพระราชาว่าวังยูให้เวลาห้าวันที่จะนำสินค้าที่หายไปมาให้ได้
เทซูที่มีส่วนในการขโมยสินค้าไป รู้สึกเสียใจมากที่ตนมีส่วนทำให้ลีซันเดือดร้อน
แล้วฮู คยอมไปพบองค์หญิงองจูแม่เลี้ยงที่รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม องค์หญิงองจูโกรธมากที่ฮู คยอมไปช่วยลีซันไว้ทำไม ฮู คยอมบอกว่า
แต่เขาจะทำให้ลีซันอับอายขายหน้าต่อหน้าคนทั้งประเทศแทนที่จะใช้วิธีตัดความสัมพันธ์
ทางการค้า
ลีซันพยายามหาผ้าพับสีขาวให้ได้ครบ 150 พับตามที่ท่านทูตต้องการ และได้สร้างความโกลาหลและความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ประชาชนกล่าวโทษลีซันที่พวกชาวบ้านถูกทางการยึดผ้าสีขาวไปดื้อๆ และยังโดนขโมยสินค้าต่างๆที่ใช้การดำรงชีวิตอีก
ซงยอนเป็นห่วงลีซันที่ถูกพวกชาวบ้านโยนความผิดให้
ข้างนอกวังมีพ่อค้ารวมตัวกันคุกเข่าร้องทุกข์ถึงความเดือดร้อนของพวกเขา
พระราชาพาลีซันไปดูประชาชนที่มาคุกเข่าร้องทุกข์ และบอกว่าที่ประชาชนเดือดร้อน ก็เป็นเพราะตัวลีซันเอง
ซงยอนคิดวิธีที่จะทำให้ผ้าสีอื่นให้กลายเป็นสีขาวด้วยการย้อมสี จึงเอาความคิดไปบอกหัวหน้าปาร์ค
หัวหน้าปาร์คนำความคิดของซงยอนไปกราบทูลลีซัน ที่ศูนย์ศิลปะจึงช่วยกันย้อมผ้าเป็นสีขาวจนได้ผ้าตามต้องการ
พระราชากล่าวชมลีซันที่แก้ปัญหาได้ดี และเตือนลีซันว่าไม่ให้ลืมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากความผิดพลาดของเขา
คืนนั้น ลีซันได้สั่งให้นำสินค้าที่เอามาจากพ่อค้าไปคืนและความโกลาหลก็จบลง
ลีซันไปที่ศูนย์ศิลปะ เพื่อขอบคุณหัวหน้าปาร์คสำหรับความช่วยเหลือ หัวหน้าปาร์คบอกว่าการย้อมสีไม่ใช่ความคิดของเขา
แต่เป็นของนางกำนัลที่วาดรูปที่วัง ลีซันชมว่านางกำนัลคนนั้นมีพรสวรรค์เรื่องการวาดมาก หัวหน้าปาร์คเห็นด้วย
ลีซันพูดว่าเขาอยากเห็นรูปอื่นที่นางกำนัลคนนั้นวาด หัวหน้าปาร์คจึงเอารูปที่ซงยอนวาดลีซันตอนเด็กพันแผลให้นางให้ลีซันดู
ลีซันตกตะลึงและถามหัวหน้าปาร์คว่านางกำนัลคนนั้นชื่ออะไร หัวหน้าปาร์คบอกว่าชื่อซอง ซงยอน
เขาจะหายโกรธถ้าซงยอนวาดรูปให้ดู และถ้าเธอมีความสามารถด้านนั้นจริง เขาจะปล่อยเธอไป ก่อนซงยอนจะวาด วังยูได้กำหนดเงื่อนไขการวาดให้ยากยิ่งขึ้นอีก เพื่อซงยอนจะได้วาดไม่ได้
และทุกคนต้องตกตะลึง เมื่อซงยอนสามารถวาดรูปได้ตามที่วังยูต้องการ วังยูจึงยอมปล่อยตัวซงยอนไป และบอกว่าเขาจะกลับมาใหม่ในอีกสองวัน
ขันทีนามมารายงานลีซันว่าสินค้าที่โดนโขมยไม่มีร่องรอยอะไรให้สืบพบเลย ลีซันบอกว่าถ้าจำเป็นต้องทำสินค้าขึ้นใหม่เพื่อทดแทนที่หายไป เขาก็จะทำ
ลีซันเจอปัญหาว่าไม่สามารถหาผ้าขาวจำนวน 150 พับมาแทนได้ทันเวลา วังยูโมโหโกรธากำลังจะออกจากเมืองไป แต่จอง ฮู คยอม(ลูกชายบุญธรรมขององค์หญิงองจู) ได้ปรากฏตัวขึ้น
และยับยั้งวังยูไม่ให้จากไป และทูลบอกพระราชาว่าวังยูให้เวลาห้าวันที่จะนำสินค้าที่หายไปมาให้ได้
เทซูที่มีส่วนในการขโมยสินค้าไป รู้สึกเสียใจมากที่ตนมีส่วนทำให้ลีซันเดือดร้อน
แล้วฮู คยอมไปพบองค์หญิงองจูแม่เลี้ยงที่รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม องค์หญิงองจูโกรธมากที่ฮู คยอมไปช่วยลีซันไว้ทำไม ฮู คยอมบอกว่า
แต่เขาจะทำให้ลีซันอับอายขายหน้าต่อหน้าคนทั้งประเทศแทนที่จะใช้วิธีตัดความสัมพันธ์
ทางการค้า
ลีซันพยายามหาผ้าพับสีขาวให้ได้ครบ 150 พับตามที่ท่านทูตต้องการ และได้สร้างความโกลาหลและความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ประชาชนกล่าวโทษลีซันที่พวกชาวบ้านถูกทางการยึดผ้าสีขาวไปดื้อๆ และยังโดนขโมยสินค้าต่างๆที่ใช้การดำรงชีวิตอีก
ซงยอนเป็นห่วงลีซันที่ถูกพวกชาวบ้านโยนความผิดให้
ข้างนอกวังมีพ่อค้ารวมตัวกันคุกเข่าร้องทุกข์ถึงความเดือดร้อนของพวกเขา
พระราชาพาลีซันไปดูประชาชนที่มาคุกเข่าร้องทุกข์ และบอกว่าที่ประชาชนเดือดร้อน ก็เป็นเพราะตัวลีซันเอง
ซงยอนคิดวิธีที่จะทำให้ผ้าสีอื่นให้กลายเป็นสีขาวด้วยการย้อมสี จึงเอาความคิดไปบอกหัวหน้าปาร์ค
หัวหน้าปาร์คนำความคิดของซงยอนไปกราบทูลลีซัน ที่ศูนย์ศิลปะจึงช่วยกันย้อมผ้าเป็นสีขาวจนได้ผ้าตามต้องการ
พระราชากล่าวชมลีซันที่แก้ปัญหาได้ดี และเตือนลีซันว่าไม่ให้ลืมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากความผิดพลาดของเขา
คืนนั้น ลีซันได้สั่งให้นำสินค้าที่เอามาจากพ่อค้าไปคืนและความโกลาหลก็จบลง
ลีซันไปที่ศูนย์ศิลปะ เพื่อขอบคุณหัวหน้าปาร์คสำหรับความช่วยเหลือ หัวหน้าปาร์คบอกว่าการย้อมสีไม่ใช่ความคิดของเขา
แต่เป็นของนางกำนัลที่วาดรูปที่วัง ลีซันชมว่านางกำนัลคนนั้นมีพรสวรรค์เรื่องการวาดมาก หัวหน้าปาร์คเห็นด้วย
ลีซันพูดว่าเขาอยากเห็นรูปอื่นที่นางกำนัลคนนั้นวาด หัวหน้าปาร์คจึงเอารูปที่ซงยอนวาดลีซันตอนเด็กพันแผลให้นางให้ลีซันดู
ลีซันตกตะลึงและถามหัวหน้าปาร์คว่านางกำนัลคนนั้นชื่ออะไร หัวหน้าปาร์คบอกว่าชื่อซอง ซงยอน
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°9
part 8
องค์ชายลีซันตกใจที่รู้ว่านางกำนัลคนนั้นคือซอนซงยอนจึงขอร้องหัวหน้าปาร์คให้พาเธอม
าหาเขา
แต่วันนี้ซอนซงยอนไม่ได้อยู่ที่ศูนย์ศิลปะ หัวหน้าปาร์คจึงถามที่อยู่ของซอนซงยอน
ลีซันไปบอกข่าวดีกับขันทีนามว่าเขาเจอเพื่อนวัยเด็กแล้ว และขอให้ขันทีนามไปหาเธอที่บ้าน
ที่บ้านของซอนซงยอน จิตรกรลีขอร้องให้ซอนซงยอนเป็นผู้ช่วยเขาในการวาดภาพเหมือน ซ.ยอนตกลง จึงออกไปกับจิตกรลี
ขันทีปาร์คมาที่บ้านซงยอน แต่ไม่เจอใคร ส่วนซงยอนเมื่อกำลังกลับก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งขอให้เธอช่วยทำขนม
ผู้หญิงคนนั้นคือ พระชายาฮโยอึย มเหสีขององค์ชายลีซันที่ตอนนี้อาศัยอยู่นอกวังเนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรง
พระชายาประทับใจในตัวซงยอนจึงบอกว่าเธอจะขอให้แม่ของเธอเลื่อนตำแหน่งให้เธอ
ซงยอนบอกว่าเธอไม่ใช่นางกำนัลในบ้านนี้แต่เป็นนางกำนัลของศูนย์ศิลปะ มาเป็นผู้ช่วยจิตรกรวาดรูป พระชายาจึงขอโทษเธอที่เข้าใจผิด
หลังจากนั้น พระนางฮเย-คยองพระมารดาของลีซันมาเยี่ยมพระชายาฮโยอึยลูกสะใภ้ พระชายาบอกพระนางว่าเธอทำขนมไว้ให้ลีซัน
แต่พระนางบอกว่าพระชายาควรจะดูแลสุขภาพของเธอเพื่อจะได้กลับไปอยู่ที่วังกับลีซัน
ขันทีนามกลับไปบอกลีซันว่าเขาไม่เจอซงยอน แต่สืบมาได้ว่าซงยอนอาศัยอยู่กับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง และเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นขุนนางปาร์คกับเทซู
ขณะที่ซงยอนเดินไปที่ร้านขายอุปกรณ์ศิลปะ เธอถูกลักพาตัวโดยผู้ร้ายที่ขโมยสินค้ากับเทซู ลุงปาร์คกับเทซูรู้ว่าซงยอนถูกลักพาตัวก็กลับมาที่ที่พักเจอขันทีนามกับลีซันคอยอยู่
ทั้งสี่คนดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนเก่าที่จากกันไปเมื่อเก้าปีก่อน
ข้างในบ้าน ลีซันถามถึงซงยอน เทซูจึงเล่าให้ลีซันฟังเกี่ยวกับโจรขโมยสินค้าและซงยอนที่ถูกโจรพวกนั้นลักพาตัวไป ลีซันพูดว่าเขาจะรีบนำกำลังทหารไปช่วยซงยอน ที่วังลีซันไปขอกำลังทหาร
แต่หัวหน้าทหารกลับบอกว่าถ้าไม่ใช่พระบัญชาของพระราชา ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายกำลังทหารได้ ลีซันจึงเอาดาบจ่อที่ลำคอบังคับให้หัวหน้าทหารสั่งให้เคลื่อนย้ายกองทหารทันที
ที่ที่ซงยอนถูกจับตัวมา เทซูมาช่วยแต่ถูกพวกโจรจับตัวไว้ ทหารของลีซันก็มาช่วยทันเวลาแต่พวกโจรกลุ่มหนึ่งหนีรอดไปได้ พร้อมกับจับตัวซงยอนไปด้วย ลีซันเข้าไปช่วยซงยอน แต่ก็ไม่พบเธอ
ลีซันกลับไปบอกเทซูว่าเขาไม่เจอซงยอนซึ่งน่าจะถูกพวกโจรพาตัวไป และขอโทษเทซูว่าเขาน่าจะมาเร็วกว่านี้
ขันทีนามมาหาลีซันแจ้งข่าวว่าพระราชาสั่งให้พระองค์กลับไปที่วังเดี๋ยวนี้ แต่ลีซันยังอ้อยอิ่งอยู่ เพราะเป็นห่วงซงยอน
เทซูปลอบใจว่าเขาจะหาซงยอนให้พบและพานางเข้าวังให้ได้ ลีซันสั่งขันทีนามให้อยู่ช่วยเหลือเทซูตามหาซงยอน
ขันทีนามเป็นห่วงลีซันที่กลับไปวังคนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือพระองค์
พระชายาพฮโยอึยตัดสินใจกลับวัง เพื่อไปอยู่กับลีซัน
เมื่อลีซันกลับถึงวัง เจอพวกขุนนางทูลฟ้องพระราชาเรื่องที่ลีซันเอากำลังทหารไปใช้โดยพลการ ถือเป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง
ขุนนางบอกให้พระราชาลงโทษลีซัน พระราชาถามลีซันถึงข้อแก้ตัวสำหรับพฤติกรรมของเขา แต่ลีซันทูลว่าเขาไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ
และทูลพระราชาว่าพวกขโมยที่เขาไปจับตัวมาได้อยู่เบื้องหลังการขโมยสินค้า โดยมีขุนนางหนุนหลังอยู่ แต่ขอให้พระราชาให้อำนาจเขาเพื่อสืบหาความจริง
พระราชาให้อำนาจทางการทหารแก่ลีซันเต็มที่ในการสืบหาว่ามีขุนนางคนไหนน่าสงสัยบ้าง
มีการประชุมลับของฝ่ายการเมืองหนึ่งที่ประกอบด้วยใต้เท้าซอย ใต้เท้าฮง จอง ฮู คยอม องค์หญิงฮวาวาน โดยมีหัวหน้าการประชุมคือ พระมเหสีจองซุน
มเหสีจองซุนสั่งให้ ฮู คยอมฆ่าผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการขโมยสินค้าให้หมด
องค์หญิงฮวาวานถามฮู คยอมว่าจะหยุดลีซันอย่างไรเมื่อลีซันมีอำนาจทางการทหาร
ฮู คยอมบอกว่าเขาจะใช้อำนาจของลีซันมีทำให้ตัวลีซันเดือดร้อน
มีม้วนคำสั่งจากลีซันแจ้งว่าให้นำนักโทษขโมยสินค้าที่จับตัวมาไปสอบสวน แต่ระหว่างทางนักโทษเหล่านั้นก็ถูกฆ่าตายหมด
ลีซันมาพบว่าไม่มีนักโทษเหลืออยู่และพบม้วนคำสั่งและบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนออกคำสั่ง
นั้น
เมื่อพระราชาเสด็จมาถึง จึงถามลีซันว่านักโทษขโมยสินค้าที่จับตัวมาอยู่ที่ไหน
าหาเขา
แต่วันนี้ซอนซงยอนไม่ได้อยู่ที่ศูนย์ศิลปะ หัวหน้าปาร์คจึงถามที่อยู่ของซอนซงยอน
ลีซันไปบอกข่าวดีกับขันทีนามว่าเขาเจอเพื่อนวัยเด็กแล้ว และขอให้ขันทีนามไปหาเธอที่บ้าน
ที่บ้านของซอนซงยอน จิตรกรลีขอร้องให้ซอนซงยอนเป็นผู้ช่วยเขาในการวาดภาพเหมือน ซ.ยอนตกลง จึงออกไปกับจิตกรลี
ขันทีปาร์คมาที่บ้านซงยอน แต่ไม่เจอใคร ส่วนซงยอนเมื่อกำลังกลับก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งขอให้เธอช่วยทำขนม
ผู้หญิงคนนั้นคือ พระชายาฮโยอึย มเหสีขององค์ชายลีซันที่ตอนนี้อาศัยอยู่นอกวังเนื่องจากสุขภาพไม่แข็งแรง
พระชายาประทับใจในตัวซงยอนจึงบอกว่าเธอจะขอให้แม่ของเธอเลื่อนตำแหน่งให้เธอ
ซงยอนบอกว่าเธอไม่ใช่นางกำนัลในบ้านนี้แต่เป็นนางกำนัลของศูนย์ศิลปะ มาเป็นผู้ช่วยจิตรกรวาดรูป พระชายาจึงขอโทษเธอที่เข้าใจผิด
หลังจากนั้น พระนางฮเย-คยองพระมารดาของลีซันมาเยี่ยมพระชายาฮโยอึยลูกสะใภ้ พระชายาบอกพระนางว่าเธอทำขนมไว้ให้ลีซัน
แต่พระนางบอกว่าพระชายาควรจะดูแลสุขภาพของเธอเพื่อจะได้กลับไปอยู่ที่วังกับลีซัน
ขันทีนามกลับไปบอกลีซันว่าเขาไม่เจอซงยอน แต่สืบมาได้ว่าซงยอนอาศัยอยู่กับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง และเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นขุนนางปาร์คกับเทซู
ขณะที่ซงยอนเดินไปที่ร้านขายอุปกรณ์ศิลปะ เธอถูกลักพาตัวโดยผู้ร้ายที่ขโมยสินค้ากับเทซู ลุงปาร์คกับเทซูรู้ว่าซงยอนถูกลักพาตัวก็กลับมาที่ที่พักเจอขันทีนามกับลีซันคอยอยู่
ทั้งสี่คนดีใจมากที่ได้เจอเพื่อนเก่าที่จากกันไปเมื่อเก้าปีก่อน
ข้างในบ้าน ลีซันถามถึงซงยอน เทซูจึงเล่าให้ลีซันฟังเกี่ยวกับโจรขโมยสินค้าและซงยอนที่ถูกโจรพวกนั้นลักพาตัวไป ลีซันพูดว่าเขาจะรีบนำกำลังทหารไปช่วยซงยอน ที่วังลีซันไปขอกำลังทหาร
แต่หัวหน้าทหารกลับบอกว่าถ้าไม่ใช่พระบัญชาของพระราชา ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายกำลังทหารได้ ลีซันจึงเอาดาบจ่อที่ลำคอบังคับให้หัวหน้าทหารสั่งให้เคลื่อนย้ายกองทหารทันที
ที่ที่ซงยอนถูกจับตัวมา เทซูมาช่วยแต่ถูกพวกโจรจับตัวไว้ ทหารของลีซันก็มาช่วยทันเวลาแต่พวกโจรกลุ่มหนึ่งหนีรอดไปได้ พร้อมกับจับตัวซงยอนไปด้วย ลีซันเข้าไปช่วยซงยอน แต่ก็ไม่พบเธอ
ลีซันกลับไปบอกเทซูว่าเขาไม่เจอซงยอนซึ่งน่าจะถูกพวกโจรพาตัวไป และขอโทษเทซูว่าเขาน่าจะมาเร็วกว่านี้
ขันทีนามมาหาลีซันแจ้งข่าวว่าพระราชาสั่งให้พระองค์กลับไปที่วังเดี๋ยวนี้ แต่ลีซันยังอ้อยอิ่งอยู่ เพราะเป็นห่วงซงยอน
เทซูปลอบใจว่าเขาจะหาซงยอนให้พบและพานางเข้าวังให้ได้ ลีซันสั่งขันทีนามให้อยู่ช่วยเหลือเทซูตามหาซงยอน
ขันทีนามเป็นห่วงลีซันที่กลับไปวังคนเดียว ไม่มีใครช่วยเหลือพระองค์
พระชายาพฮโยอึยตัดสินใจกลับวัง เพื่อไปอยู่กับลีซัน
เมื่อลีซันกลับถึงวัง เจอพวกขุนนางทูลฟ้องพระราชาเรื่องที่ลีซันเอากำลังทหารไปใช้โดยพลการ ถือเป็นการดูหมิ่นเบื้องสูง
ขุนนางบอกให้พระราชาลงโทษลีซัน พระราชาถามลีซันถึงข้อแก้ตัวสำหรับพฤติกรรมของเขา แต่ลีซันทูลว่าเขาไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ
และทูลพระราชาว่าพวกขโมยที่เขาไปจับตัวมาได้อยู่เบื้องหลังการขโมยสินค้า โดยมีขุนนางหนุนหลังอยู่ แต่ขอให้พระราชาให้อำนาจเขาเพื่อสืบหาความจริง
พระราชาให้อำนาจทางการทหารแก่ลีซันเต็มที่ในการสืบหาว่ามีขุนนางคนไหนน่าสงสัยบ้าง
มีการประชุมลับของฝ่ายการเมืองหนึ่งที่ประกอบด้วยใต้เท้าซอย ใต้เท้าฮง จอง ฮู คยอม องค์หญิงฮวาวาน โดยมีหัวหน้าการประชุมคือ พระมเหสีจองซุน
มเหสีจองซุนสั่งให้ ฮู คยอมฆ่าผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับการขโมยสินค้าให้หมด
องค์หญิงฮวาวานถามฮู คยอมว่าจะหยุดลีซันอย่างไรเมื่อลีซันมีอำนาจทางการทหาร
ฮู คยอมบอกว่าเขาจะใช้อำนาจของลีซันมีทำให้ตัวลีซันเดือดร้อน
มีม้วนคำสั่งจากลีซันแจ้งว่าให้นำนักโทษขโมยสินค้าที่จับตัวมาไปสอบสวน แต่ระหว่างทางนักโทษเหล่านั้นก็ถูกฆ่าตายหมด
ลีซันมาพบว่าไม่มีนักโทษเหลืออยู่และพบม้วนคำสั่งและบอกว่าเขาไม่ได้เป็นคนออกคำสั่ง
นั้น
เมื่อพระราชาเสด็จมาถึง จึงถามลีซันว่านักโทษขโมยสินค้าที่จับตัวมาอยู่ที่ไหน
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°10
part 9
มันเป็นภาษาปะกิตเน้อ หาไทยไม่เจอ เจอแล้วจะเอามาลงต่อ (อ่านออกนิดเดียวเอง TT^TT)
King Yeongjo arrives just as Prince San discovers the robbers disappeared, and when presented with the doctrine with his handwriting and seal ordering the transferring of the offenders, the prince is baffled while King Yeongjo comments to his eyes the handwriting and the seal look just like San's. Prince San contends they are not done by him, but the king leaves. At the palace, Princess Hwa-Wan is playing a game of tossing arrows into a bucket, when Crown Princess Hyo-Eui arrives. Hwa-Wan goes up to Hyo-Eui and greets her, then invites her to play along, but Hyo-Eui declines politely and goes toward Lady Hye-Kyeong's chamber. As they leave Hyo-Eui's maid comments Princess Hwa-Wan is rude for asking her to play along when there's a crisis going on, but Hyo-Eui tells her maid to watch her mouth, since it is well known that Princess Hwa-Wan has no interest in palace politics thus it is only natural for her to be carefree. King Yeongjo and Prince San talk, and Yeongjo asks San why he doesn't seem shocked by the events, and San says someone fabricated the fake doctrine but he is not surprised by it since that is just another thing his enemies have done, among many things they have done thus far, and the king is without words.
Minister Choi and Princess Hwa-Wan meet and Minister Choi is concerned that the king isn't as worried as he thought he should be, but Hwa-Wan says not to worry the prince has no one trustworthy by his side. After paying visit to her mother-in-law, Crown Princess Hyo-Eui visits Prince San, who is happy to see her and apologizes for not visiting her while she was living outside the palace, but Hyo-Eui says it's her fault being ill, and presents him maejagua cookies. Hyo-Eui sighs and apologizes that he must be going through so much trouble, but all she can do is such simple thing, but San compliments her for the great taste of the cookies and Hyo-Eui reveals actually she got help from the damo from the art house, and San says that explains why the food is pretty like a drawing. Outside the palace eunuch Nam, uncle Park, and Daesu continue to look for Song-Yeon who has disappeared, and they find out the remaining thugs from the robbery incident are from Hae-Mi thus they will most likely be wanting to go back there, and they set up a plan to lure the thugs by renting a room at the inn and having uncle Park under disguise as a foreman for ship that will sail to Hae-Mi in 5 days.
Jeong Hu-Kyeom orders his men to investigate why Prince San mobilized the police force just to catch robbers, since that is unlike Prince San. Meanwhile Song-Yeon is kept in a storage room with other women who will all soon be used as prostitutes, and their master is the pornography dealer that artist Lee draws for. At the art house, the artists are asked to look over the handwritting from the doctrine and another set by the Prince, and to see if the handwritings are of the same person. Afterwards, artist Lee asks a fellow artist what his opinion is since he is known to be an expert but the artist will not talk. As expected the remaining thugs come to uncle Park and asks about the boat going toward Hae-mi, and uncle Park looks at the two men, and realize who they are as he remembers the description by Daesu. The thugs insist on leaving immediately and uncle Park tries to stall, but wipes away his fake beard accidently and the thugs realize it might be a trap and start beating him, while uncle Park begs them to let him go since he is an impotent man. Just then Daesu comes to the rescue and the thugs reveal Song-Yeon is sold to prostitution through a merchant. Eunuch Nam is at the police bureau attempting to mobilize a troop with Prince San's seal, but the police chief tells Nam it cannot be done since not long ago a controversy of forgery happened regarding the Prince's seal so right now they cannot trust any seals.
Artist Lee is invited to dine with the pornography dealer at his business and Song-Yeon hears him from the locked room and calls out to Lee, but Lee thinks he's hallucinating and ignores Song-Yeon's cry. However, later on when he goes to Daesu's house looking for Song-Yeon, uncle Park tells Lee about Song-Yeon's capture and that she is held up in some prostitute house but they have not found her so far since there are so many prostitude parlors in the capital. Artist Lee suddenly remembers his supposed hallucination earlier and realizes it was real and tells uncle Park he knows where Song-Yeon is. Thus, just as Song-Yeon is about to get a beating for attempting to escape, Daesu, uncle Park and artist Lee arrive to save her. Afterwards, Daesu tells Song-Yeon who eunuch Nam is and eunuch Nam tells Song-Yeon he will go back to the palace to tell the prince she is found and that the prince would be so happy by it.
At the palace, Queen Jeong-Soon tests the King by pretending to be on San's side, and she tells the King the Prince is not someone who would do such foolish thing and she trusts him no matter what others say, and the king replies he knows, and that's why he's been trusting San all this while, and at this revelation, the queen suddenly looks dismayed and alarmed. At night, Song-Yeon decides to go and work at the art house since she hasn't been there for a while and she must clean up or else Chobi the senior maid might kick her out. Thus, Song-Yeon goes there and begins cleaning, but discovers the drawing she painted and studies it as she tears up. Just then, Prince San arrives and sees her from behind and calls out her name, and Song-Yeon is surprised to see the prince and doesn't know what to say, but the prince calls her name again, and goes up to her and asks her if she's alright and if she's hurt anywhere. Suddenly Song-Yeon drops to her knees and calls out 'your majesty' but San grabs her hands and helps her stand and apologizes for taking so long to find her, and had he recognized her sooner she would've been spared the suffering. Song-Yeon weeps and says it's not his fault, and that she thought he forgot all about them since that is a natural thing, and San says he could never forget their promise and he thinks of them everyday. Song-Yeon continues to weep, touched by the words of the prince, and Prince San wipes away her tears, and smiles as he says how great it is that they could meet like this at last.
King Yeongjo arrives just as Prince San discovers the robbers disappeared, and when presented with the doctrine with his handwriting and seal ordering the transferring of the offenders, the prince is baffled while King Yeongjo comments to his eyes the handwriting and the seal look just like San's. Prince San contends they are not done by him, but the king leaves. At the palace, Princess Hwa-Wan is playing a game of tossing arrows into a bucket, when Crown Princess Hyo-Eui arrives. Hwa-Wan goes up to Hyo-Eui and greets her, then invites her to play along, but Hyo-Eui declines politely and goes toward Lady Hye-Kyeong's chamber. As they leave Hyo-Eui's maid comments Princess Hwa-Wan is rude for asking her to play along when there's a crisis going on, but Hyo-Eui tells her maid to watch her mouth, since it is well known that Princess Hwa-Wan has no interest in palace politics thus it is only natural for her to be carefree. King Yeongjo and Prince San talk, and Yeongjo asks San why he doesn't seem shocked by the events, and San says someone fabricated the fake doctrine but he is not surprised by it since that is just another thing his enemies have done, among many things they have done thus far, and the king is without words.
Minister Choi and Princess Hwa-Wan meet and Minister Choi is concerned that the king isn't as worried as he thought he should be, but Hwa-Wan says not to worry the prince has no one trustworthy by his side. After paying visit to her mother-in-law, Crown Princess Hyo-Eui visits Prince San, who is happy to see her and apologizes for not visiting her while she was living outside the palace, but Hyo-Eui says it's her fault being ill, and presents him maejagua cookies. Hyo-Eui sighs and apologizes that he must be going through so much trouble, but all she can do is such simple thing, but San compliments her for the great taste of the cookies and Hyo-Eui reveals actually she got help from the damo from the art house, and San says that explains why the food is pretty like a drawing. Outside the palace eunuch Nam, uncle Park, and Daesu continue to look for Song-Yeon who has disappeared, and they find out the remaining thugs from the robbery incident are from Hae-Mi thus they will most likely be wanting to go back there, and they set up a plan to lure the thugs by renting a room at the inn and having uncle Park under disguise as a foreman for ship that will sail to Hae-Mi in 5 days.
Jeong Hu-Kyeom orders his men to investigate why Prince San mobilized the police force just to catch robbers, since that is unlike Prince San. Meanwhile Song-Yeon is kept in a storage room with other women who will all soon be used as prostitutes, and their master is the pornography dealer that artist Lee draws for. At the art house, the artists are asked to look over the handwritting from the doctrine and another set by the Prince, and to see if the handwritings are of the same person. Afterwards, artist Lee asks a fellow artist what his opinion is since he is known to be an expert but the artist will not talk. As expected the remaining thugs come to uncle Park and asks about the boat going toward Hae-mi, and uncle Park looks at the two men, and realize who they are as he remembers the description by Daesu. The thugs insist on leaving immediately and uncle Park tries to stall, but wipes away his fake beard accidently and the thugs realize it might be a trap and start beating him, while uncle Park begs them to let him go since he is an impotent man. Just then Daesu comes to the rescue and the thugs reveal Song-Yeon is sold to prostitution through a merchant. Eunuch Nam is at the police bureau attempting to mobilize a troop with Prince San's seal, but the police chief tells Nam it cannot be done since not long ago a controversy of forgery happened regarding the Prince's seal so right now they cannot trust any seals.
Artist Lee is invited to dine with the pornography dealer at his business and Song-Yeon hears him from the locked room and calls out to Lee, but Lee thinks he's hallucinating and ignores Song-Yeon's cry. However, later on when he goes to Daesu's house looking for Song-Yeon, uncle Park tells Lee about Song-Yeon's capture and that she is held up in some prostitute house but they have not found her so far since there are so many prostitude parlors in the capital. Artist Lee suddenly remembers his supposed hallucination earlier and realizes it was real and tells uncle Park he knows where Song-Yeon is. Thus, just as Song-Yeon is about to get a beating for attempting to escape, Daesu, uncle Park and artist Lee arrive to save her. Afterwards, Daesu tells Song-Yeon who eunuch Nam is and eunuch Nam tells Song-Yeon he will go back to the palace to tell the prince she is found and that the prince would be so happy by it.
At the palace, Queen Jeong-Soon tests the King by pretending to be on San's side, and she tells the King the Prince is not someone who would do such foolish thing and she trusts him no matter what others say, and the king replies he knows, and that's why he's been trusting San all this while, and at this revelation, the queen suddenly looks dismayed and alarmed. At night, Song-Yeon decides to go and work at the art house since she hasn't been there for a while and she must clean up or else Chobi the senior maid might kick her out. Thus, Song-Yeon goes there and begins cleaning, but discovers the drawing she painted and studies it as she tears up. Just then, Prince San arrives and sees her from behind and calls out her name, and Song-Yeon is surprised to see the prince and doesn't know what to say, but the prince calls her name again, and goes up to her and asks her if she's alright and if she's hurt anywhere. Suddenly Song-Yeon drops to her knees and calls out 'your majesty' but San grabs her hands and helps her stand and apologizes for taking so long to find her, and had he recognized her sooner she would've been spared the suffering. Song-Yeon weeps and says it's not his fault, and that she thought he forgot all about them since that is a natural thing, and San says he could never forget their promise and he thinks of them everyday. Song-Yeon continues to weep, touched by the words of the prince, and Prince San wipes away her tears, and smiles as he says how great it is that they could meet like this at last.
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°11
part 10
องค์ชายอยู่คุยกับซงยอนได้แค่สั้นๆ เพราะต้องรีบกลับวัง องค์ชายกล่าวลาเทซูกับซงยอน แต่เป็นกังวลว่าจะไม่ได้พวกเขาอีก ขันทีนามจึงบอกองค์ชายว่า ตอนนี้ซงยอนอยู่ที่วังแล้ว ส่วนเทซูกำลังจะสอบคัดเลือกเข้าเป็นทหาร
ผลการทดสอบลายมือองค์ชายกับลายมือในใบคำสั่งที่สั่งไปให้คนร้ายถูกฆ่าตายออกมาว่าเป็
นลายมือเดียวกัน พวกขุนนางต่างเรียกร้องให้พระราชาลงโทษองค์ชาย แต่พระราชากลับบอกว่าทำไมพวกขุนนางจึงทำเหมือนไม่เคารพองค์ชาย เหมือนกับคิดว่าองค์ชายไม่มีทางจะได้เป็นกษัตริย์ และยังบอกอีกว่าลายมือนี้สามารถทำปลอมได้ง่ายๆด้วยวิธีใช้เอามันฝรั่งต้มซับหมึกที่แ
ผ่นกระดาษต้นแบบ แล้วเอาไปประทับที่กระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ก็จะได้อักษรเหมือนกันทุกอย่าง
มีการประชุมลับอีกครั้งหนึ่ง โดยมีองค์หญิงองจูเป็นหัวหน้า ฮูคยอมคิดแผนการหนึ่ง บอกว่าพระราชายังคงเจ็บปวดที่โอรสของพระองค์สิ้นพระชนม์ในลังข้าว น่าจะใช้วิธีกระตุ้นความเจ็บปวดพระราชา โดยให้พระองค์คิดถึงเหตุการณ์นั้น และให้พระองค์คิดว่าองค์ชายยังคงเจ็บแค้นพระองค์อยู่
เทซูที่ตั้งใจว่าจะสอบเข้าเป็นทหารในวังให้ได้ จึงสมัครเข้าเรียนหนังสือที่สอนโดยฮง คุก ยอง
ในวังมีการทดสอบความสามารถของทหาร ปรากฏว่าทหารขององค์ชายมีความสามารถแย่ที่สุด องค์ชายจึงมาฝึกทหารด้วยพระองค์เอง โดยให้ทหารฝึกยิงธนูอย่างหนัก จนทหารที่ฝึกเริ่มบ่นว่าองค์ชายลับหลัง แต่เทซูมาได้ยิน จึงเข้ามาพูดจาปกป้ององค์ชาย เลยโดนทหารพวกนั้นรุมตื้บ ยิ่งทำให้เทซูมุ่งมั่นจะเป็นทหารให้ได้ เพราะเห็นว่าทหารขององค์ชายนิสัยแย่แค่ไหน เขาต้องเข้าไปในวังให้ได้เพื่อปกป้องพระองค์ จึงไปหาฮง คุก ยองผู้เป็นอาจารย์ที่สอน ให้แนะวิธีที่จะทำให้สอบผ่าน ฮง คุก ยองบอกว่าขุนนางฮันเป็นคนออกข้อสอบ ให้ไปที่บ้านของขุนนางฮันและแอบดูข้อสอบ
องค์ชายฝึกทหารหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มรอบการยิ่งธนูจาก 20 รอบต่อวัน เป็น 40 รอบ 60 รอบ และ 80 รอบต่อวัน ทำให้ทหารที่ฝึกไม่พอใจ ได้ลอบจุดไฟเผาห้องพักเป็นการประท้วง วันต่อมาองค์ชาย บอกกับทหารที่ฝึกว่าถ้าพวกเจ้าไม่อยากจะปกป้องเราก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าเป็นทหาร เจ้าจะต้องปกป้องบ้านเมือง พวกเจ้าจะลาออกไปก็ได้ เราไม่ว่าอะไร และคนที่จดจำนวนรอบของคนที่ฝึกยิงธนูบอกว่า ถึงแม้ทหารที่ฝึกยิงธนูคนที่ยิงได้มากที่สุดยิงได้แค่ 120 รอบ แต่องค์ชายคนเดียวยิงธนูในแต่ละวันถึง 200 รอบ
เทซูได้แอบดูห่อผ้าที่คิดว่าจะเป็นซองข้อสอบ แต่กลับพบว่าเป็นตัวอักษรจีนที่เขาอ่านไม่ออก
ที่ศูนย์ศิลปะ จิตรกรลีได้พบเอกสารบางอย่างที่คนของฮูคยอมทำตกทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ
ในวันสอบคัดเลือกทหาร ได้มีการทดสอบการเขียน ผู้เข้าทดสอบคนหนึ่งได้เขียนข้อความหนึ่งที่เมื่อพระราชาอ่านแล้วโกรธมาก จึงให้องค์ชายอ่าน องค์ชายอ่านแล้ว ถึงกับตกตะลึง ข้อความเขียนว่า ฝ่ายโนรน (ฝ่ายที่สนับสนุนองค์รัชทายาทซาโด) ได้สาบานกันว่าเมื่อองค์รัชทายาทซาโดสิ้นพระชนม์ ก็ถือว่าตอนนี้บัลลังก์ไม่มีกษัตริย์ และพวกเขาจะจงรักภักดีกับองค์ชายอิซานเพียงผู้เดียวไม่ภักดีต่อพระราชายองโจผู้เป็นฆ
าตกร
ผลการทดสอบลายมือองค์ชายกับลายมือในใบคำสั่งที่สั่งไปให้คนร้ายถูกฆ่าตายออกมาว่าเป็
นลายมือเดียวกัน พวกขุนนางต่างเรียกร้องให้พระราชาลงโทษองค์ชาย แต่พระราชากลับบอกว่าทำไมพวกขุนนางจึงทำเหมือนไม่เคารพองค์ชาย เหมือนกับคิดว่าองค์ชายไม่มีทางจะได้เป็นกษัตริย์ และยังบอกอีกว่าลายมือนี้สามารถทำปลอมได้ง่ายๆด้วยวิธีใช้เอามันฝรั่งต้มซับหมึกที่แ
ผ่นกระดาษต้นแบบ แล้วเอาไปประทับที่กระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ก็จะได้อักษรเหมือนกันทุกอย่าง
มีการประชุมลับอีกครั้งหนึ่ง โดยมีองค์หญิงองจูเป็นหัวหน้า ฮูคยอมคิดแผนการหนึ่ง บอกว่าพระราชายังคงเจ็บปวดที่โอรสของพระองค์สิ้นพระชนม์ในลังข้าว น่าจะใช้วิธีกระตุ้นความเจ็บปวดพระราชา โดยให้พระองค์คิดถึงเหตุการณ์นั้น และให้พระองค์คิดว่าองค์ชายยังคงเจ็บแค้นพระองค์อยู่
เทซูที่ตั้งใจว่าจะสอบเข้าเป็นทหารในวังให้ได้ จึงสมัครเข้าเรียนหนังสือที่สอนโดยฮง คุก ยอง
ในวังมีการทดสอบความสามารถของทหาร ปรากฏว่าทหารขององค์ชายมีความสามารถแย่ที่สุด องค์ชายจึงมาฝึกทหารด้วยพระองค์เอง โดยให้ทหารฝึกยิงธนูอย่างหนัก จนทหารที่ฝึกเริ่มบ่นว่าองค์ชายลับหลัง แต่เทซูมาได้ยิน จึงเข้ามาพูดจาปกป้ององค์ชาย เลยโดนทหารพวกนั้นรุมตื้บ ยิ่งทำให้เทซูมุ่งมั่นจะเป็นทหารให้ได้ เพราะเห็นว่าทหารขององค์ชายนิสัยแย่แค่ไหน เขาต้องเข้าไปในวังให้ได้เพื่อปกป้องพระองค์ จึงไปหาฮง คุก ยองผู้เป็นอาจารย์ที่สอน ให้แนะวิธีที่จะทำให้สอบผ่าน ฮง คุก ยองบอกว่าขุนนางฮันเป็นคนออกข้อสอบ ให้ไปที่บ้านของขุนนางฮันและแอบดูข้อสอบ
องค์ชายฝึกทหารหนักขึ้นเรื่อยๆ โดยเพิ่มรอบการยิ่งธนูจาก 20 รอบต่อวัน เป็น 40 รอบ 60 รอบ และ 80 รอบต่อวัน ทำให้ทหารที่ฝึกไม่พอใจ ได้ลอบจุดไฟเผาห้องพักเป็นการประท้วง วันต่อมาองค์ชาย บอกกับทหารที่ฝึกว่าถ้าพวกเจ้าไม่อยากจะปกป้องเราก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าเป็นทหาร เจ้าจะต้องปกป้องบ้านเมือง พวกเจ้าจะลาออกไปก็ได้ เราไม่ว่าอะไร และคนที่จดจำนวนรอบของคนที่ฝึกยิงธนูบอกว่า ถึงแม้ทหารที่ฝึกยิงธนูคนที่ยิงได้มากที่สุดยิงได้แค่ 120 รอบ แต่องค์ชายคนเดียวยิงธนูในแต่ละวันถึง 200 รอบ
เทซูได้แอบดูห่อผ้าที่คิดว่าจะเป็นซองข้อสอบ แต่กลับพบว่าเป็นตัวอักษรจีนที่เขาอ่านไม่ออก
ที่ศูนย์ศิลปะ จิตรกรลีได้พบเอกสารบางอย่างที่คนของฮูคยอมทำตกทิ้งไว้โดยไม่ตั้งใจ
ในวันสอบคัดเลือกทหาร ได้มีการทดสอบการเขียน ผู้เข้าทดสอบคนหนึ่งได้เขียนข้อความหนึ่งที่เมื่อพระราชาอ่านแล้วโกรธมาก จึงให้องค์ชายอ่าน องค์ชายอ่านแล้ว ถึงกับตกตะลึง ข้อความเขียนว่า ฝ่ายโนรน (ฝ่ายที่สนับสนุนองค์รัชทายาทซาโด) ได้สาบานกันว่าเมื่อองค์รัชทายาทซาโดสิ้นพระชนม์ ก็ถือว่าตอนนี้บัลลังก์ไม่มีกษัตริย์ และพวกเขาจะจงรักภักดีกับองค์ชายอิซานเพียงผู้เดียวไม่ภักดีต่อพระราชายองโจผู้เป็นฆ
าตกร
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°12
part 11
กษัตริย์ยองโจกริ้วมากเมื่อได้อ่านข้อความที่บอกว่าจะจงรักภักดีกับองค์ชายโอรสของอด
ีตรัชทายาทซาโดเพียงพระองค์เดียว ทรงสั่งให้ทหารค้นหาตัวผู้เขียน แต่ก็ไร้ร่องรอย
เทซูซึ่งกำลังทดสอบการคัดเลือกทหาร ทำคะแนนด้านการยิงธนูได้ดี แต่ตกเรื่องการรู้หนังสือ แต่โชคดีไปเมื่อมีทหารมาบอกว่าให้หยุดการสอบคัดเลือก
องค์ชายพยายามบอกพระราชาว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเพราะเขาไม่เคยคิดร้ายต่อพระองค์ พระราชาจึงถามองค์ชายว่าองค์ชายคิดว่าซาโดพระบิดาขององค์ชายมีความผิดสมควรจะสิ้นพระ
ชนม์หรือไม่ องค์ชายตอบไม่ได้
ในคืนนั้นองค์หญิงองจูบอกกับขุนนางชอยและฮูคยอม ว่าคืนนี้พวกเขาต้องกำจัดองค์ชายไป
เทซูมาหาคุกยองที่บอกให้เขาแอบดูข้อสอบ ต่อว่าคุกยองว่าที่เขาเจอในกระเป๋าไม่ใช่ข้อสอบแต่เป็นอักษรจีนสี่ตัวที่เขาแปลความห
มายไม่ออกและตัวอักษรสี่ตัวนั่นไม่ได้ช่วยให้เขาสอบผ่าน
มีคนร้ายลอบเข้ามาในวังและลอบวางระเบิด เมื่อเกิดระเบิดขึ้น องค์ชายไปหาพระราชาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีทหารมารายงานว่าในตัวคนร้ายที่ถูกทหารฆ่าตายมีกระดาษเขียนตัวอักษรสี่ตัว (คำเดียวกับที่เทซูเห็นในกระเป๋าข้อสอบ) ซึ่งเป็นของคนที่จงรักภักดีอดีตองค์รัชทายาทซาโด แปลความได้ว่าให้ไปรวมตัวกันที่สุสานของอดีตองค์รัชทายาทซาโด
ตำรวจหลวงไปที่สุสานและจับกุมตัวผู้ที่จงรักภักดีต่อซาโดที่มารวมกลุ่มกันอยู่เพราะว
ันนั้นเป็นวันครบรอบการสิ้นพระชนม์ของอดีตองค์รัชทายาท
พระราชาไต่สวนคนที่ถูกจับมา คนที่จงรักภักดีองค์รัชทายาทซาโดทูลพระราชาว่าพระองค์ฆ่าโอรสของพระองค์คนเดียวไม่พอ
ยังคิดจะฆ่าพระนัดดาของพระองค์ด้วย พระราชาได้ฟังก็กริ้วมาก
วันที่ไต่สวนองค์ชาย ฮูคยอมได้ทูลพระราชาว่าเขาไม่เชื่อว่าองค์ชายคิดการกบฎ แต่เขาสงสัยว่าทำไมองค์ชายถึงต้องปกป้องคนผิดด้วย
พระราชาจึงบอกกับองค์ชายว่าถ้าองค์ชายสั่งลงโทษประหารชีวิตคนที่จงรักภักดีกับองค์รั
ทายาทซาโด องค์ชายจะพ้นความผิดไป
องค์ชายไปเยี่ยมคนที่จงรักภักดีพระบิดาของพระองค์ที่คุก คนเหล่านั้นอ้อนวอนให้องค์ชายสั่งประหารพวกเขาเสียเพราะพวกเขาไม่สามารถปกป้องชีวิตข
ององค์รัชทายาทซาโดไว้ได้ และพวกเขาอยากจะเห็นองค์ชายรอดพ้นจากข้อกล่าวหาด้วย พวกเขาจึงยอมตาย องค์ชายนึกถึงคำสั่งเสียขององค์รัชทายาทซาโดว่าให้องค์ชายเป็นพระราชาที่ฉลาด
วันต่อมาเป็นวันตัดสินโทษประหารของพวกที่จงรักภักดีอดีตองค์รัทายาท ซึ่งองค์ชายเป็นผู้ตัดสิน เมื่อพระราชาเสด็จมาฟังคำตัดสิน องค์ชายกลับประกาศว่าคนพวกนี้ไม่มีความผิดอะไร
พวกเขาจึงไม่ถูกลงโทษ
ีตรัชทายาทซาโดเพียงพระองค์เดียว ทรงสั่งให้ทหารค้นหาตัวผู้เขียน แต่ก็ไร้ร่องรอย
เทซูซึ่งกำลังทดสอบการคัดเลือกทหาร ทำคะแนนด้านการยิงธนูได้ดี แต่ตกเรื่องการรู้หนังสือ แต่โชคดีไปเมื่อมีทหารมาบอกว่าให้หยุดการสอบคัดเลือก
องค์ชายพยายามบอกพระราชาว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ด้วยเพราะเขาไม่เคยคิดร้ายต่อพระองค์ พระราชาจึงถามองค์ชายว่าองค์ชายคิดว่าซาโดพระบิดาขององค์ชายมีความผิดสมควรจะสิ้นพระ
ชนม์หรือไม่ องค์ชายตอบไม่ได้
ในคืนนั้นองค์หญิงองจูบอกกับขุนนางชอยและฮูคยอม ว่าคืนนี้พวกเขาต้องกำจัดองค์ชายไป
เทซูมาหาคุกยองที่บอกให้เขาแอบดูข้อสอบ ต่อว่าคุกยองว่าที่เขาเจอในกระเป๋าไม่ใช่ข้อสอบแต่เป็นอักษรจีนสี่ตัวที่เขาแปลความห
มายไม่ออกและตัวอักษรสี่ตัวนั่นไม่ได้ช่วยให้เขาสอบผ่าน
มีคนร้ายลอบเข้ามาในวังและลอบวางระเบิด เมื่อเกิดระเบิดขึ้น องค์ชายไปหาพระราชาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น มีทหารมารายงานว่าในตัวคนร้ายที่ถูกทหารฆ่าตายมีกระดาษเขียนตัวอักษรสี่ตัว (คำเดียวกับที่เทซูเห็นในกระเป๋าข้อสอบ) ซึ่งเป็นของคนที่จงรักภักดีอดีตองค์รัชทายาทซาโด แปลความได้ว่าให้ไปรวมตัวกันที่สุสานของอดีตองค์รัชทายาทซาโด
ตำรวจหลวงไปที่สุสานและจับกุมตัวผู้ที่จงรักภักดีต่อซาโดที่มารวมกลุ่มกันอยู่เพราะว
ันนั้นเป็นวันครบรอบการสิ้นพระชนม์ของอดีตองค์รัชทายาท
พระราชาไต่สวนคนที่ถูกจับมา คนที่จงรักภักดีองค์รัชทายาทซาโดทูลพระราชาว่าพระองค์ฆ่าโอรสของพระองค์คนเดียวไม่พอ
ยังคิดจะฆ่าพระนัดดาของพระองค์ด้วย พระราชาได้ฟังก็กริ้วมาก
วันที่ไต่สวนองค์ชาย ฮูคยอมได้ทูลพระราชาว่าเขาไม่เชื่อว่าองค์ชายคิดการกบฎ แต่เขาสงสัยว่าทำไมองค์ชายถึงต้องปกป้องคนผิดด้วย
พระราชาจึงบอกกับองค์ชายว่าถ้าองค์ชายสั่งลงโทษประหารชีวิตคนที่จงรักภักดีกับองค์รั
ทายาทซาโด องค์ชายจะพ้นความผิดไป
องค์ชายไปเยี่ยมคนที่จงรักภักดีพระบิดาของพระองค์ที่คุก คนเหล่านั้นอ้อนวอนให้องค์ชายสั่งประหารพวกเขาเสียเพราะพวกเขาไม่สามารถปกป้องชีวิตข
ององค์รัชทายาทซาโดไว้ได้ และพวกเขาอยากจะเห็นองค์ชายรอดพ้นจากข้อกล่าวหาด้วย พวกเขาจึงยอมตาย องค์ชายนึกถึงคำสั่งเสียขององค์รัชทายาทซาโดว่าให้องค์ชายเป็นพระราชาที่ฉลาด
วันต่อมาเป็นวันตัดสินโทษประหารของพวกที่จงรักภักดีอดีตองค์รัทายาท ซึ่งองค์ชายเป็นผู้ตัดสิน เมื่อพระราชาเสด็จมาฟังคำตัดสิน องค์ชายกลับประกาศว่าคนพวกนี้ไม่มีความผิดอะไร
พวกเขาจึงไม่ถูกลงโทษ
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°13
part 12
หลังจากองค์ชายขัดคำสั่งพระราชาไม่ตัดสินลงโทษประหารนักโทษแล้ว ได้ขอเข้าเฝ้าพระราชาบอกว่าพระองค์ไม่สามารถลงโทษคนที่ไม่ได้กระทำผิดได้ พระราชาถามองค์ชายว่าถ้าอยย่างนั้น องค์ชายก็เชื่อว่าอดีตองค์รัชทายาทซาโดก็ไม่ได้ทำผิดเหมือนกันใช่ไหม องค์ชายตอบว่าใช่ พระราชาโกรธมาก สั่งว่าภายในห้าวันพิสูจน์ให้ได้ว่าองค์ชายไม่ใช่คนสั่งการให้คนร้ายบุกเข้ามาที่วัง
ถ้าหาตัวคนร้ายไม่ได้ องค์ชายจะถูกปลดจากตำแหน่งองค์รัชทายาทและต้องถูกขับออกจากวัง
ขุนนางแชและขันทีนาม (ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์ชาย) ได้พบแผนที่วังในตัวคนร้ายที่บุกเข้าวัง ขันทีนามเอาไปที่ศูนย์ศิลปะให้ช่วยกันดูว่าจิตรกรคนไหนเป็นคนวาดแผนที่นี้
คุกยองไปพบกับเทซูขอให้เทซูเขียนตัวอักษรจีนสี่ตัวให้ดู และบอกเทซูว่านั่นไม่ใช่ข้อสอบแต่เป็นรหัสลับที่ขุนนางฮันเป็นคนทำ สั่งให้เทซูติดตามคนที่ถือรหัสลับ ดูว่าเขาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
องค์ชายไปตรวจดูศพคนร้ายและเห็นวัชพืชชนิดหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆศพ
ที่ศูนย์ศิลปะ ซงยอนที่อยากช่วยองค์ชายหาคนร้ายจึงขอให้จิตรกรลีไขกุญแจห้องสมุดแผนที่ ที่ไม่อนุญาตให้นางกำนัลเข้าไป ซงยอนหาแผนที่จนค่ำ มีเจ้าหน้าที่มาพบว่าเธอลักลอบเข้ามา เธอจึงถูกจับตัวไว้
เทซูรายงานกับคุกยองว่าหลังจากที่เขาติดตามดูคนที่มีรหัสลับทั้งวันแต่ไม่เห็นอะไรน่
าสงสัย นอกจากว่าคนนั้นซื้อข้าวและเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก คุกยองตกใจ บอกว่านั่นเหมือนกับจะนำอาหารไปเลี้ยงคนทั้งกองทัพ สั่งให้เทซูติดตามดูว่าพวกนั้นนำอาหารไปที่ไหน เทซูแอบขึ้นรถบรรทุกอาหาร ไปถึงจุดหมายและเห็นชายฉกรรจ์หลายร้อยคนกำลังฝึกการต่อสู้ทุกชนิด เทซูวิ่งกลับมาบอกเจ้าหน้าที่ของวังว่ากำลังมีการฝึกกองทหารอย่างลับๆ ฮูคยอมผ่านมาได้ยินเข้าจึงถามเทซูว่าจริงหรือ และให้เทซูวาดแผนที่สถานที่นั้นให้ดู
จิตรกรลีเห็นจิตรกรที่ทำเอกสารตกที่ศูนย์ศิลปะ ตามไปค้นบ้านจิตรกรคนนั้นและพบแผนที่วังที่ขันทีนามให้หาว่าใครเป็นคนวาด จึงเอาไปให้ที่ศูนย์ศิลปะ ที่ศูนย์ศิลปะนำไปให้องค์ชายดู องค์ชายให้นำไปที่บ้านจิตรกรคนนั้น แต่เมื่อไปถึงจิตรกรคนนั้นถูกฆ่าตายแล้ว ข้างศพมีวัชพืชชนิดเดียวกับที่เคยพบข้างศพคนร้าย องค์ชายบอกว่าวัชพืชชนิดนี้ขึ้นเฉพาะแต่ในที่ที่มีน้ำชุ่ม แต่ฝนไม่ตกมาสิบวันแล้ว ถามว่าที่ไหนที่มีวัชพืชชนิดนี้ขึ้นบ้าง ทหารองครักษ์บอกว่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีวัชพืชชนิดนี้ขึ้นเป็นจำนวนมาก
หลังจากเทซูวาดแผนที่สถานที่มีการฝึกทหารอย่างลับๆให้ฮูคยอมแล้ว ฮูคยอมบอกให้เทซูกลับบ้านได้ โดยสั่งให้คนตามไปส่งเทซูแล้วฆ่าเทซูเสีย เทซูรู้สึกทะแม่งๆ จึงหลบหนีไปหาองค์ชาย พาองค์ชายมาหาฮูคยอม
ถ้าหาตัวคนร้ายไม่ได้ องค์ชายจะถูกปลดจากตำแหน่งองค์รัชทายาทและต้องถูกขับออกจากวัง
ขุนนางแชและขันทีนาม (ข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ขององค์ชาย) ได้พบแผนที่วังในตัวคนร้ายที่บุกเข้าวัง ขันทีนามเอาไปที่ศูนย์ศิลปะให้ช่วยกันดูว่าจิตรกรคนไหนเป็นคนวาดแผนที่นี้
คุกยองไปพบกับเทซูขอให้เทซูเขียนตัวอักษรจีนสี่ตัวให้ดู และบอกเทซูว่านั่นไม่ใช่ข้อสอบแต่เป็นรหัสลับที่ขุนนางฮันเป็นคนทำ สั่งให้เทซูติดตามคนที่ถือรหัสลับ ดูว่าเขาทำอะไรบ้างในแต่ละวัน
องค์ชายไปตรวจดูศพคนร้ายและเห็นวัชพืชชนิดหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆศพ
ที่ศูนย์ศิลปะ ซงยอนที่อยากช่วยองค์ชายหาคนร้ายจึงขอให้จิตรกรลีไขกุญแจห้องสมุดแผนที่ ที่ไม่อนุญาตให้นางกำนัลเข้าไป ซงยอนหาแผนที่จนค่ำ มีเจ้าหน้าที่มาพบว่าเธอลักลอบเข้ามา เธอจึงถูกจับตัวไว้
เทซูรายงานกับคุกยองว่าหลังจากที่เขาติดตามดูคนที่มีรหัสลับทั้งวันแต่ไม่เห็นอะไรน่
าสงสัย นอกจากว่าคนนั้นซื้อข้าวและเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมาก คุกยองตกใจ บอกว่านั่นเหมือนกับจะนำอาหารไปเลี้ยงคนทั้งกองทัพ สั่งให้เทซูติดตามดูว่าพวกนั้นนำอาหารไปที่ไหน เทซูแอบขึ้นรถบรรทุกอาหาร ไปถึงจุดหมายและเห็นชายฉกรรจ์หลายร้อยคนกำลังฝึกการต่อสู้ทุกชนิด เทซูวิ่งกลับมาบอกเจ้าหน้าที่ของวังว่ากำลังมีการฝึกกองทหารอย่างลับๆ ฮูคยอมผ่านมาได้ยินเข้าจึงถามเทซูว่าจริงหรือ และให้เทซูวาดแผนที่สถานที่นั้นให้ดู
จิตรกรลีเห็นจิตรกรที่ทำเอกสารตกที่ศูนย์ศิลปะ ตามไปค้นบ้านจิตรกรคนนั้นและพบแผนที่วังที่ขันทีนามให้หาว่าใครเป็นคนวาด จึงเอาไปให้ที่ศูนย์ศิลปะ ที่ศูนย์ศิลปะนำไปให้องค์ชายดู องค์ชายให้นำไปที่บ้านจิตรกรคนนั้น แต่เมื่อไปถึงจิตรกรคนนั้นถูกฆ่าตายแล้ว ข้างศพมีวัชพืชชนิดเดียวกับที่เคยพบข้างศพคนร้าย องค์ชายบอกว่าวัชพืชชนิดนี้ขึ้นเฉพาะแต่ในที่ที่มีน้ำชุ่ม แต่ฝนไม่ตกมาสิบวันแล้ว ถามว่าที่ไหนที่มีวัชพืชชนิดนี้ขึ้นบ้าง ทหารองครักษ์บอกว่าที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีวัชพืชชนิดนี้ขึ้นเป็นจำนวนมาก
หลังจากเทซูวาดแผนที่สถานที่มีการฝึกทหารอย่างลับๆให้ฮูคยอมแล้ว ฮูคยอมบอกให้เทซูกลับบ้านได้ โดยสั่งให้คนตามไปส่งเทซูแล้วฆ่าเทซูเสีย เทซูรู้สึกทะแม่งๆ จึงหลบหนีไปหาองค์ชาย พาองค์ชายมาหาฮูคยอม
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°14
part 13
องค์ชายเรียกตำรวจหลวงมาถามว่าที่เทซูมาแจ้งว่าได้เห็นคนหลายร้อยคนกำลังฝึกการต่อสู
้เหมือนเป็นกองทหารลับ ทำไมถึงไม่ไปตรวจสอบดู ตำรวจหลวงบอกว่าเขาคิดว่าเรื่องที่เทซูมาแจ้งเป็นเรื่องเหลวไหลจึงไม่สนใจ องค์ชายบอกว่าทหารลับพวกนั้นอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขอให้ตำรวจหลวงส่งกำลังไปที่นั่นทันที ฮูคยอมแอบบอกให้ลูกน้องไปบอกเรื่องนี้ให้ขุนนางฮัน และขอตามองค์ชายไปที่หมู่บ้านแห่งนั้นด้วย เผื่อเห็นท่าไม่ดี จะได้ฆ่าองค์ชายเสีย
เมื่อองค์ชายไปถึงหมู่บ้าน หมู่บ้านกลับว่างเปล่าเหมือนไม่มีใครอยู่ เทซูบอกว่าเขาเห็นกองกำลังทหารลับกำลังฝึกการต่อสู้อยู่ที่นี่จริงๆ องค์ชายเห็นควันไฟจากกองไฟที่ยังดับไม่สนิท ก็บอกว่าเทซูพูดถูก มีคนเคยอยู่ที่นี่จริงๆ แต่พวกนั้นไหวตัวทันจึงหนีไปก่อน และบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เหลืออีกหนึ่งวัน เขาจะต้องหาหลักฐานให้เจอให้ได้
ซงยอนที่แอบเข้าไปในห้องสมุดแผนที่ถูกจับมาขังไว้ หัวหน้าศูนย์ศิลปะบอกว่าเธอจะไม่ถูกลงโทษแต่จะถูกไล่ออกจากศูนย์ศิลปะ
ขุนนางเชบอกองค์ชายว่ามีการจัดพิธีฉลองการอำลาตำแหน่งทุกปีปลายเดือนตุลาคมที่กวานจู
ซึ่งขันทีซองอินซูที่ถูกจับตัวในข้อหากบฎเข้าร่วมงานที่พระราชาจัดนั้นด้วย ถ้าสามารถหาคนมายืนยันว่าซองอินซูร่วมงานนั้นจริงๆ เขาจะพ้นข้อกล่าวหา แต่องค์ชายก็ไม่สามารถหาคนมายืนยันได้
องค์ชายขี่ม้ามาที่สะพานกำลังถูกสร้างเห็นพวกจิตรกรกำลังวาดภาพบันทึกเหตุการณ์อยู่ พระองค์จึงเกิดความคิดว่างานฉลองเมื่อเดือนตุลาคมที่แล้ว ต้องมีจิตรกรวาดภาพบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ในงานวันนั้นด้วย จึงไปที่ศูนย์ศิลปะและบอกว่าให้หัวหน้าศูนย์ศิลปะหาภาพภาพนั้น จิตรกรทุกคนในศูนย์ศิลปะพยายามหาภาพนั้นทั้งคืน แต่ไม่สามารถหาเจอ
จิตรกรลีซึ่งเอาของของซงยอนที่ศูนย์ศิลปะไปให้ซงยอนที่บ้านเล่าให้ซงยอนฟังว่าเกิดอะ
ไรขึ้นที่ศูนย์ศิลปะ ซงยอนบอกว่าเธอเป็นคนวาดภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเอง และเธอรู้ว่าภาพนั้นอยู่ไหน
เมื่อถึงวันตัดสินโทษ องค์ชายเอาภาพนั้นมาพิสูจน์ให้พระราชาดูและประกาศว่าซองอินซูและคนอื่นๆเป็นผู้บริสุ
ทธิ์ เพราะวันที่ขันทีซองอินซูไปร่วมงานฉลองเป็นวันเดียวกับที่เขาถูกกล่าวหาว่ากำลังวางแ
ผนก่อการกบฎที่สุสาน เป็นไปไม่ได้ที่คนคนเดียวจะอยู่สองที่ได้
ที่บ้านของขุนนางฮัน ลูกน้องมารายงานว่าองค์ชายรู้แล้วว่าขุนนางฮันมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทหารลับ ขุนนางฮันตกใจมาก รีบขึ้นแคร่ไปหาองค์หญิงองจู
คนขององค์ชายที่คอยติดตามดูขุนนางฮันมาแจ้งข่าวกับองค์ชาย องค์ชายถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้ว่าองค์หญิงองจูเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
้เหมือนเป็นกองทหารลับ ทำไมถึงไม่ไปตรวจสอบดู ตำรวจหลวงบอกว่าเขาคิดว่าเรื่องที่เทซูมาแจ้งเป็นเรื่องเหลวไหลจึงไม่สนใจ องค์ชายบอกว่าทหารลับพวกนั้นอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ขอให้ตำรวจหลวงส่งกำลังไปที่นั่นทันที ฮูคยอมแอบบอกให้ลูกน้องไปบอกเรื่องนี้ให้ขุนนางฮัน และขอตามองค์ชายไปที่หมู่บ้านแห่งนั้นด้วย เผื่อเห็นท่าไม่ดี จะได้ฆ่าองค์ชายเสีย
เมื่อองค์ชายไปถึงหมู่บ้าน หมู่บ้านกลับว่างเปล่าเหมือนไม่มีใครอยู่ เทซูบอกว่าเขาเห็นกองกำลังทหารลับกำลังฝึกการต่อสู้อยู่ที่นี่จริงๆ องค์ชายเห็นควันไฟจากกองไฟที่ยังดับไม่สนิท ก็บอกว่าเทซูพูดถูก มีคนเคยอยู่ที่นี่จริงๆ แต่พวกนั้นไหวตัวทันจึงหนีไปก่อน และบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เหลืออีกหนึ่งวัน เขาจะต้องหาหลักฐานให้เจอให้ได้
ซงยอนที่แอบเข้าไปในห้องสมุดแผนที่ถูกจับมาขังไว้ หัวหน้าศูนย์ศิลปะบอกว่าเธอจะไม่ถูกลงโทษแต่จะถูกไล่ออกจากศูนย์ศิลปะ
ขุนนางเชบอกองค์ชายว่ามีการจัดพิธีฉลองการอำลาตำแหน่งทุกปีปลายเดือนตุลาคมที่กวานจู
ซึ่งขันทีซองอินซูที่ถูกจับตัวในข้อหากบฎเข้าร่วมงานที่พระราชาจัดนั้นด้วย ถ้าสามารถหาคนมายืนยันว่าซองอินซูร่วมงานนั้นจริงๆ เขาจะพ้นข้อกล่าวหา แต่องค์ชายก็ไม่สามารถหาคนมายืนยันได้
องค์ชายขี่ม้ามาที่สะพานกำลังถูกสร้างเห็นพวกจิตรกรกำลังวาดภาพบันทึกเหตุการณ์อยู่ พระองค์จึงเกิดความคิดว่างานฉลองเมื่อเดือนตุลาคมที่แล้ว ต้องมีจิตรกรวาดภาพบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ในงานวันนั้นด้วย จึงไปที่ศูนย์ศิลปะและบอกว่าให้หัวหน้าศูนย์ศิลปะหาภาพภาพนั้น จิตรกรทุกคนในศูนย์ศิลปะพยายามหาภาพนั้นทั้งคืน แต่ไม่สามารถหาเจอ
จิตรกรลีซึ่งเอาของของซงยอนที่ศูนย์ศิลปะไปให้ซงยอนที่บ้านเล่าให้ซงยอนฟังว่าเกิดอะ
ไรขึ้นที่ศูนย์ศิลปะ ซงยอนบอกว่าเธอเป็นคนวาดภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเอง และเธอรู้ว่าภาพนั้นอยู่ไหน
เมื่อถึงวันตัดสินโทษ องค์ชายเอาภาพนั้นมาพิสูจน์ให้พระราชาดูและประกาศว่าซองอินซูและคนอื่นๆเป็นผู้บริสุ
ทธิ์ เพราะวันที่ขันทีซองอินซูไปร่วมงานฉลองเป็นวันเดียวกับที่เขาถูกกล่าวหาว่ากำลังวางแ
ผนก่อการกบฎที่สุสาน เป็นไปไม่ได้ที่คนคนเดียวจะอยู่สองที่ได้
ที่บ้านของขุนนางฮัน ลูกน้องมารายงานว่าองค์ชายรู้แล้วว่าขุนนางฮันมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทหารลับ ขุนนางฮันตกใจมาก รีบขึ้นแคร่ไปหาองค์หญิงองจู
คนขององค์ชายที่คอยติดตามดูขุนนางฮันมาแจ้งข่าวกับองค์ชาย องค์ชายถึงกับตกตะลึงเมื่อรู้ว่าองค์หญิงองจูเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°15
part 14
องค์ชายไม่เชื่อว่า ป้าของเขา องค์หญิงองจูจะฆ่าน้องชายตัวเองที่เป็นพระบิดาของพระองค์จริงๆ แต่ขันทีนามและทหารก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
ฮูคยอมมาพบองค์หญิงองจูและขุนนางฮัน ฮูคยอมบอกขุนนางฮันว่าที่ขุนนางฮันมาหาองค์หญิงองจู ทำให้องค์ชายรู้แล้วว่าองค์หญิงเป็นตัวการ และถามขุนนางฮันว่านอกจากมาหาองค์หญิงแล้วได้ทำอะไรอีก ขุนนางฮันบอกว่าได้ส่งจดหมายไปแจ้งที่ค่ายกองทหารลับให้ย้ายค่ายออกไป ฮูคยอมตกใจ บอกว่า ถ้าองค์ชายให้คนติดตามไป ก็จะรู้ที่อยู่ของค่ายกองทหารลับเหมือนกัน
และที่ค่ายแห่งนั้นองค์ชายมาพร้อมกับทหารและจู่โจมกองทหารลับ จับตัวทหารในค่ายไว้ได้พร้อมกับอาวุธที่ใช้ฝึก เป็นหลักฐานอย่างดีของการก่อการกบฎ
องค์ชายมาทูลพระราชาว่าเกิดอะไรขึ้น พระราชาบอกว่าขุนนางฮันไม่น่าจะกระทำการคนเดียว น่าจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลัง องค์ชายทูลพระราชาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือองค์หญิงองจู พระธิดาของพระราชาเอง พอดีกับองค์หญิงองจูมาเข้าเฝ้าพระราชา พระราชาบอกองค์หญิงว่าองค์ชายเพิ่งบอกว่าองค์หญิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฎ องค์หญิงตกใจมาก บอกว่าไม่จริง พระราชาจึงถามว่าเมื่อคืนนี้ขุนนางฮันไปหาองค์หญิงจริงหรือไม่ องค์หญิงองจูทูลว่าขุนนางฮันไปหาจริง แต่ไปเพื่อรับสารภาพว่าได้คิดก่อกบฎและถูกจับได้ และจึงมาขอให้องค์หญิงช่วยเท่านั้น พระราชาเลยสั่งให้จับตัวขุนนางฮันมาเพื่อสอบถามความจริงอีกคน องค์หญิงร้องไห้และบอกว่าเธอเป็นคนบริสุทธิ์ ขอให้พระราชาเชื่อเธอ
ขุนนางฮันถูกจับตัว ฮูคยอมไปหาขุนนางฮันที่ในคุก บอกให้ขุนนางฮันสารภาพว่าทำผิดคนเดียว อย่ากล่าวพาดพิงถึงคนอื่น ขันทีนามเห็นฮูคยอมออกจากคุกที่ขังขุนนางฮัน จึงไปแจ้งกับองค์ชาย
วันไต่สวน พระราชาถามขุนนางฮันว่าองค์หญิงองจูมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฎด้วยหรือไม่ ขุนนางฮันบอกว่าองค์หญิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง พระราชาหันไปมององค์ชาย แต่ขุนนางฮันพูดต่อว่า องค์หญิงองจูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องคนเดียว แต่พวกขุนนางส่วนใหญ่ที่รับใช้ใกล้ชิดพระราชาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคิดก่อกบฎด้วย
แล้วก็หัวเราะสะใจ แล้วตะโกนบอกพระราชาว่าอย่าจับเขาเพียงคนเดียว ให้จับขุนนางที่ยืนอยู่ข้างๆพระองค์ด้วย พวกขุนนางได้ยินก็รีบทูลพระราชาว่าที่ขุนนางฮันพูดไม่เป็นความจริง พวกเขาเป็นคนบริสุทธิ์และกำลังถูกกล่าวหา
องค์หญิงองจูมานั่งอ้อนวอนอยู่หน้าห้องของพระราชาว่าเธอเป็นคนบริสุทธิ์ พระราชาสั่งให้ปิดประตู ไม่รับฟังเสียงอ้อนวอนของเธอ องค์หญิงยังคงนั่งส่งเสียงอ้อนวอนท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักไปตลอดคืน
คุกยองมาแสดงความยินดีกับองค์ชายที่หาตัวคนร้ายได้ องค์ชายก็ขอบใจคุกยองที่เป็นคนเขียนจดหมายที่เป็นสาเหตุให้ขุนนางฮันร้อนตัวแล้วรีบไ
ปหาองค์หญิงองจู ทำให้องค์ชายรู้ตัวคนบงการที่แท้จริง คุกยองเลยขอตำแหน่งทำงานรับใช้องค์ชาย
คืนนั้น พระมเหสีจองซุน พระชายาของพระราชา ไปหาขุนนางฮันถึงหน้าคุก บอกกับขุนนางฮันว่าเธอไม่เห็นด้วยที่คนอื่นบอกให้เธอจัดการฆ่าปิดปากขุนนางฮันเสีย แต่ว่าขุนนางฮันรู้ตัวว่าควรทำอย่างไร เธอจะดูแลทายาทของขุนนางฮันเอง เช้าวันรุ่งขึ้น องค์หญิงองจูเป็นลมและล้มป่วยจากการนั่งตากฝนอ้อนวอนพระราชาทั้งคืน และองค์ชายได้รับแจ้งว่าขุนนางฮันฆ่าตัวตายในคุก และเขียนจดหมายด้วยเลือดรับสารภาพว่าเขาคิดก่อการกบฎเพียงคนเดียว องค์ชายนำจดหมายของคนตายไปถวายพระราชา พระราชาบอกองค์ชายว่าได้เนรเทศองค์หญิงองจูไปอยู่นอกวังแล้ว และให้องค์ชายสืบต่อไปว่าที่ขุนนางฮันบอกว่าขุนนางส่วนใหญ่ในวังคิดการกบฎเป็นจริงรึ
ไม่
ซงยอนและเทซูถูกเรียกตัวเข้าวังเพราะได้ทำความดีความชอบในการช่วยคนบริสุทธิ์และช่วย
สืบหาคนร้าย องค์ชายให้ของขวัญทั้งคู่คนละอย่าง ไม่ได้ให้ฐานะองค์ชาย แต่ให้ในฐานะเพื่อน เทซูได้แยกไปเพื่อดูการฝึกทหาร ส่วนซงยอน องค์ชายได้เอาสมุดวาดภาพของจิตรกรชาวจีนให้เธอดู องค์ชายกุมมือซงยอนและบอกว่าเธอมีพรสวรรค์ในการวาดภาพและขอให้ฝึกฝนเพื่อเป็นจิตรกที
่เก่งต่อไป พอดีกับองค์หญิงฮโยอึย พระชายาขององค์ชาย เดินมาหาองค์ชาย เห็นองค์ชายกำลังกุมมือของซงยอนอยู่พอดี
ฮูคยอมมาพบองค์หญิงองจูและขุนนางฮัน ฮูคยอมบอกขุนนางฮันว่าที่ขุนนางฮันมาหาองค์หญิงองจู ทำให้องค์ชายรู้แล้วว่าองค์หญิงเป็นตัวการ และถามขุนนางฮันว่านอกจากมาหาองค์หญิงแล้วได้ทำอะไรอีก ขุนนางฮันบอกว่าได้ส่งจดหมายไปแจ้งที่ค่ายกองทหารลับให้ย้ายค่ายออกไป ฮูคยอมตกใจ บอกว่า ถ้าองค์ชายให้คนติดตามไป ก็จะรู้ที่อยู่ของค่ายกองทหารลับเหมือนกัน
และที่ค่ายแห่งนั้นองค์ชายมาพร้อมกับทหารและจู่โจมกองทหารลับ จับตัวทหารในค่ายไว้ได้พร้อมกับอาวุธที่ใช้ฝึก เป็นหลักฐานอย่างดีของการก่อการกบฎ
องค์ชายมาทูลพระราชาว่าเกิดอะไรขึ้น พระราชาบอกว่าขุนนางฮันไม่น่าจะกระทำการคนเดียว น่าจะมีคนอื่นอยู่เบื้องหลัง องค์ชายทูลพระราชาว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือองค์หญิงองจู พระธิดาของพระราชาเอง พอดีกับองค์หญิงองจูมาเข้าเฝ้าพระราชา พระราชาบอกองค์หญิงว่าองค์ชายเพิ่งบอกว่าองค์หญิงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฎ องค์หญิงตกใจมาก บอกว่าไม่จริง พระราชาจึงถามว่าเมื่อคืนนี้ขุนนางฮันไปหาองค์หญิงจริงหรือไม่ องค์หญิงองจูทูลว่าขุนนางฮันไปหาจริง แต่ไปเพื่อรับสารภาพว่าได้คิดก่อกบฎและถูกจับได้ และจึงมาขอให้องค์หญิงช่วยเท่านั้น พระราชาเลยสั่งให้จับตัวขุนนางฮันมาเพื่อสอบถามความจริงอีกคน องค์หญิงร้องไห้และบอกว่าเธอเป็นคนบริสุทธิ์ ขอให้พระราชาเชื่อเธอ
ขุนนางฮันถูกจับตัว ฮูคยอมไปหาขุนนางฮันที่ในคุก บอกให้ขุนนางฮันสารภาพว่าทำผิดคนเดียว อย่ากล่าวพาดพิงถึงคนอื่น ขันทีนามเห็นฮูคยอมออกจากคุกที่ขังขุนนางฮัน จึงไปแจ้งกับองค์ชาย
วันไต่สวน พระราชาถามขุนนางฮันว่าองค์หญิงองจูมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อกบฎด้วยหรือไม่ ขุนนางฮันบอกว่าองค์หญิงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง พระราชาหันไปมององค์ชาย แต่ขุนนางฮันพูดต่อว่า องค์หญิงองจูไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องคนเดียว แต่พวกขุนนางส่วนใหญ่ที่รับใช้ใกล้ชิดพระราชาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคิดก่อกบฎด้วย
แล้วก็หัวเราะสะใจ แล้วตะโกนบอกพระราชาว่าอย่าจับเขาเพียงคนเดียว ให้จับขุนนางที่ยืนอยู่ข้างๆพระองค์ด้วย พวกขุนนางได้ยินก็รีบทูลพระราชาว่าที่ขุนนางฮันพูดไม่เป็นความจริง พวกเขาเป็นคนบริสุทธิ์และกำลังถูกกล่าวหา
องค์หญิงองจูมานั่งอ้อนวอนอยู่หน้าห้องของพระราชาว่าเธอเป็นคนบริสุทธิ์ พระราชาสั่งให้ปิดประตู ไม่รับฟังเสียงอ้อนวอนของเธอ องค์หญิงยังคงนั่งส่งเสียงอ้อนวอนท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักไปตลอดคืน
คุกยองมาแสดงความยินดีกับองค์ชายที่หาตัวคนร้ายได้ องค์ชายก็ขอบใจคุกยองที่เป็นคนเขียนจดหมายที่เป็นสาเหตุให้ขุนนางฮันร้อนตัวแล้วรีบไ
ปหาองค์หญิงองจู ทำให้องค์ชายรู้ตัวคนบงการที่แท้จริง คุกยองเลยขอตำแหน่งทำงานรับใช้องค์ชาย
คืนนั้น พระมเหสีจองซุน พระชายาของพระราชา ไปหาขุนนางฮันถึงหน้าคุก บอกกับขุนนางฮันว่าเธอไม่เห็นด้วยที่คนอื่นบอกให้เธอจัดการฆ่าปิดปากขุนนางฮันเสีย แต่ว่าขุนนางฮันรู้ตัวว่าควรทำอย่างไร เธอจะดูแลทายาทของขุนนางฮันเอง เช้าวันรุ่งขึ้น องค์หญิงองจูเป็นลมและล้มป่วยจากการนั่งตากฝนอ้อนวอนพระราชาทั้งคืน และองค์ชายได้รับแจ้งว่าขุนนางฮันฆ่าตัวตายในคุก และเขียนจดหมายด้วยเลือดรับสารภาพว่าเขาคิดก่อการกบฎเพียงคนเดียว องค์ชายนำจดหมายของคนตายไปถวายพระราชา พระราชาบอกองค์ชายว่าได้เนรเทศองค์หญิงองจูไปอยู่นอกวังแล้ว และให้องค์ชายสืบต่อไปว่าที่ขุนนางฮันบอกว่าขุนนางส่วนใหญ่ในวังคิดการกบฎเป็นจริงรึ
ไม่
ซงยอนและเทซูถูกเรียกตัวเข้าวังเพราะได้ทำความดีความชอบในการช่วยคนบริสุทธิ์และช่วย
สืบหาคนร้าย องค์ชายให้ของขวัญทั้งคู่คนละอย่าง ไม่ได้ให้ฐานะองค์ชาย แต่ให้ในฐานะเพื่อน เทซูได้แยกไปเพื่อดูการฝึกทหาร ส่วนซงยอน องค์ชายได้เอาสมุดวาดภาพของจิตรกรชาวจีนให้เธอดู องค์ชายกุมมือซงยอนและบอกว่าเธอมีพรสวรรค์ในการวาดภาพและขอให้ฝึกฝนเพื่อเป็นจิตรกที
่เก่งต่อไป พอดีกับองค์หญิงฮโยอึย พระชายาขององค์ชาย เดินมาหาองค์ชาย เห็นองค์ชายกำลังกุมมือของซงยอนอยู่พอดี
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°16
part 15
องค์ชายแนะนำองค์หญิงพระชายาให้รู้จักกับซงยอน บอกว่าเธอเป็นนางกำนัลในศูนย์ศิลปะและเป็นเพื่อนขององค์ชายตอนเด็ก แล้วองค์หญิงพระชายาก็จำซงยอนได้ที่ซงยอนเคยช่วยองค์หญิงทำขนม
พระนางฮเย-คยอง พระมารดาขององค์ชาย ไปเยี่ยมองค์หญิงองจูที่ข้างนอกวัง พร้อมกับนำยาไปด้วยเพราะทราบว่าองค์หญิงองจูไม่สบาย องค์หญิงองจูไม่ค่อยอยากกินยา แต่พระนางคะยั้นคะยอให้กิน บอกว่ายานี้เป็นยาตัวเดียวกับอดีตองค์รัชทายาทเสวยก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ พระนางถามองค์หญิงองจูว่าตอนนี้องค์หญิงคงจะเข้าใจความรู้สึกของอดีตองค์รัชทายาทดีข
ึ้น องค์หญิงบอกว่าเธอไม่รู้ว่าพระนางหมายถึงอะไร พระนางบอกองค์หญิงองจูว่าเธอไม่ใช่คนโง่และเธอจะทำทุกอย่างเพื่อจะปกป้ององค์ชาย โอรสของพระนาง แล้วก็ลาจากไป องค์หญิงองจูเจ็บแค้นมาก ที่พระนางบังอาจมาขู่เธอ
พระราชาเรียกตัวองค์ชายมาถามว่าองค์ชายจะทำยังไงกับศัตรู องค์ชายตอบว่าจะไม่ทำอะไรเพราะศัตรูขององค์ชายมีอยู่ทั่ววัง ถ้าจัดการกับคนหนึ่ง ก็ยังมีคนอื่นๆอีก พระราชาจึงแนะนำให้องค์ชายหาคนที่ฉลาดและมีความสามารถมาเป็นพวก
คุกยองเอารายชื่อทหารที่ฮูคยอมรับมาทำงานให้องค์ชายดู และเสนอให้องค์ชายไล่ทหารพวกนี้ออก และรับทหารกลุ่มใหม่เข้ามาแทน และยังแนะนำให้รับเทซูมาเป็นทหารด้วย องค์ชายบอกว่าเทซูต้องผ่านการสอบคัดเลือกเหมือนทหารคนอื่น ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ และบอกคุกยองว่าพระองค์อยากได้เทซูมาเป็นทหาร ให้คุกยองหาวิธีให้เทซูผ่านการสอบให้ได้ แต่ต้องไม่ใช้วิธีโกงการสอบ คุกยองจึงไปหาเทซู บอกให้เทซูเลิกอ่านหนังสือทั้งเล่มแล้วจำ แต่ใช้วิธีสรุปใจความสำคัญของหนังสือและจำส่วนที่สำคัญๆแทน
วันสอบ เทซูมาเข้าสอบ โชบิ (คนที่แกล้งซงยอนบ่อยๆ) เห็นเทซูก็ตกหลุมรักเทซูทันที เทซูทำคะแนนเรื่องการต่อสู้ได้ดี แต่ทางด้านข้อเขียนกลับทำได้ไม่ดี เพราะจำที่ท่องมาไม่ได้ จึงบอกคุกยองไปว่าเขาสอบตกแน่ๆ คุกยองบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะหาวิธีจัดการเอง
คุกยองไปหาคนตรวจข้อสอบ บอกคนตรวจว่ามีการโกงข้อสอบเกิดขึ้น ขอให้ตัดสิทธิ์คนโกงออกไปด้วย
คนตรวจบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ถ้าไม่มีหลักฐาน คุกยองเลยเอาหลักฐานมาให้ดูพร้อมกับใบคำสั่งขององค์ชายว่าห้ามไม่ให้การโกงข้อสอบเกิ
ดขึ้น องค์ชายซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเทซูสอบตกเพราะทำคะแนนขาดไปห้าคะแนนทำให้ไม่ผ่าน แต่มารู้ทีหลังว่าเทซูผ่านจึงเรียกคุกยองมาถาม คุกยองทูลองค์ชายว่าที่เทซูผ่าน เพราะองค์ชายเคยย้ำว่าการสอบครั้งนี้ต้องไม่มีการโกงข้อสอบ เพราะฉะนั้นคนโกงถูกตัดสิทธิ์ไป องค์ชายก็หัวเราะและประทับใจในตัวคุกยองมากขึ้น
องค์ชายมาต้อนรับทหารใหม่ และทักทายทหารใหม่แต่ละคน พอมาถึงเทซู เทซูก็ทูลกับองค์ชายว่าเขาจะปกป้ององค์ชายด้วยชีวิตไปจนถึงวันตายของเขา และทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
พระนางฮเย-คยอง พระมารดาขององค์ชาย ไปเยี่ยมองค์หญิงองจูที่ข้างนอกวัง พร้อมกับนำยาไปด้วยเพราะทราบว่าองค์หญิงองจูไม่สบาย องค์หญิงองจูไม่ค่อยอยากกินยา แต่พระนางคะยั้นคะยอให้กิน บอกว่ายานี้เป็นยาตัวเดียวกับอดีตองค์รัชทายาทเสวยก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ พระนางถามองค์หญิงองจูว่าตอนนี้องค์หญิงคงจะเข้าใจความรู้สึกของอดีตองค์รัชทายาทดีข
ึ้น องค์หญิงบอกว่าเธอไม่รู้ว่าพระนางหมายถึงอะไร พระนางบอกองค์หญิงองจูว่าเธอไม่ใช่คนโง่และเธอจะทำทุกอย่างเพื่อจะปกป้ององค์ชาย โอรสของพระนาง แล้วก็ลาจากไป องค์หญิงองจูเจ็บแค้นมาก ที่พระนางบังอาจมาขู่เธอ
พระราชาเรียกตัวองค์ชายมาถามว่าองค์ชายจะทำยังไงกับศัตรู องค์ชายตอบว่าจะไม่ทำอะไรเพราะศัตรูขององค์ชายมีอยู่ทั่ววัง ถ้าจัดการกับคนหนึ่ง ก็ยังมีคนอื่นๆอีก พระราชาจึงแนะนำให้องค์ชายหาคนที่ฉลาดและมีความสามารถมาเป็นพวก
คุกยองเอารายชื่อทหารที่ฮูคยอมรับมาทำงานให้องค์ชายดู และเสนอให้องค์ชายไล่ทหารพวกนี้ออก และรับทหารกลุ่มใหม่เข้ามาแทน และยังแนะนำให้รับเทซูมาเป็นทหารด้วย องค์ชายบอกว่าเทซูต้องผ่านการสอบคัดเลือกเหมือนทหารคนอื่น ไม่มีอภิสิทธิ์ใดๆ และบอกคุกยองว่าพระองค์อยากได้เทซูมาเป็นทหาร ให้คุกยองหาวิธีให้เทซูผ่านการสอบให้ได้ แต่ต้องไม่ใช้วิธีโกงการสอบ คุกยองจึงไปหาเทซู บอกให้เทซูเลิกอ่านหนังสือทั้งเล่มแล้วจำ แต่ใช้วิธีสรุปใจความสำคัญของหนังสือและจำส่วนที่สำคัญๆแทน
วันสอบ เทซูมาเข้าสอบ โชบิ (คนที่แกล้งซงยอนบ่อยๆ) เห็นเทซูก็ตกหลุมรักเทซูทันที เทซูทำคะแนนเรื่องการต่อสู้ได้ดี แต่ทางด้านข้อเขียนกลับทำได้ไม่ดี เพราะจำที่ท่องมาไม่ได้ จึงบอกคุกยองไปว่าเขาสอบตกแน่ๆ คุกยองบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะหาวิธีจัดการเอง
คุกยองไปหาคนตรวจข้อสอบ บอกคนตรวจว่ามีการโกงข้อสอบเกิดขึ้น ขอให้ตัดสิทธิ์คนโกงออกไปด้วย
คนตรวจบอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ถ้าไม่มีหลักฐาน คุกยองเลยเอาหลักฐานมาให้ดูพร้อมกับใบคำสั่งขององค์ชายว่าห้ามไม่ให้การโกงข้อสอบเกิ
ดขึ้น องค์ชายซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเทซูสอบตกเพราะทำคะแนนขาดไปห้าคะแนนทำให้ไม่ผ่าน แต่มารู้ทีหลังว่าเทซูผ่านจึงเรียกคุกยองมาถาม คุกยองทูลองค์ชายว่าที่เทซูผ่าน เพราะองค์ชายเคยย้ำว่าการสอบครั้งนี้ต้องไม่มีการโกงข้อสอบ เพราะฉะนั้นคนโกงถูกตัดสิทธิ์ไป องค์ชายก็หัวเราะและประทับใจในตัวคุกยองมากขึ้น
องค์ชายมาต้อนรับทหารใหม่ และทักทายทหารใหม่แต่ละคน พอมาถึงเทซู เทซูก็ทูลกับองค์ชายว่าเขาจะปกป้ององค์ชายด้วยชีวิตไปจนถึงวันตายของเขา และทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°17
part 16
เมื่อได้เป็นทหารในตำหนักองค์ชายแล้ว เทซูก็แต่งเครื่องแบบทหารไปหาซงยอน ซงยอนแสดงความยินดีกับเทซูด้วย เทซูบอกซงยอนว่ามีสองสิ่งที่เขาตั้งใจตั้งแต่ตอนเด็กแล้วว่าจะทำให้สำเร็จ สิ่งแรกคือคือเข้าเป็นทหารและปกป้ององค์ชาย ซงยอนถามว่าอีกสิ่งหนึ่งคืออะไร แต่เทซูไม่ตอบ พอดีกับที่โชบิมาเห็นและบอกให้ซงยอนแนะนำให้เทซูรู้จักเธอ เทซูถามซงยอนว่านี่ใช่คนที่น่ากลัวแล้วก็ชอบแกล้งซงยอนใช่ไหม โชบิรีบบอกว่าจริงๆแล้วตัวเธอเองเป็นคนน่ารัก แต่เทซูรีบขอตัวลาไป
พระนางฮเย- คยองมาหาองค์หญิงพระชายาบอกว่าพระนางได้เรียกจิตรกรจากศูนย์ศิลปะมาวาดภาพผลทับทิมที
่เป็นสัญลักษณ์การให้กำเนิดทารกที่จะเป็นทายาทของราชวงศ์ต่อไป พระนางบอกว่าเป็นหน้าที่ขององค์หญิงที่จะต้องให้กำเนิดองค์รัชทายาทเพื่อให้ฐานะของอ
งค์ชายในราชสำนักมั่นคงขึ้น
พระนางยังไปหาองค์ชายถึงตำหนัก ถามองค์ชายว่าได้ไปหาองค์หญิงพระชายาครั้งสุดท้ายเมื่อไร องค์ชายหน้าเจื่อนลง พระนางจึงบอกว่าพระนางไม่อยากให้องค์ชายละเลยองค์หญิง องค์ชายควรจะไปหาองค์หญิงบ่อยกว่านี้
ในค่ำวันนั้น องค์หญิงพระชายาได้เชิญซงยอนที่มาช่วยจิตรกรวาดภาพในวัง มาดื่มน้ำชากัน และถามเธอถึงความหลังเมื่อเธอยังเด็ก ได้พบและเป็นเพื่อนกับองค์ชายได้ยังไง
พอดีกับคืนนั้น องค์ชายได้เสด็จมาหาองค์หญิงพระชายา และได้เจอกับซงยอน และพระองค์ได้แสดงความห่วงใยซงยอนออกมาอย่างชัดเจน จนองค์หญิงพระชายารู้สึกสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง
คุกยองมาหาองค์ชายเพื่อขอเงินองค์ชาย 500 หยาง องค์ชายก็ให้ไปโดยไม่ถามเหตุผลว่าคุกยองจะเอาเงินไปทำอะไร คุกยองเอาเงิน 500 หยางไปซื้อบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับบ้านของฮูคยอม
พระราชาบอกเหล่าขุนนางว่าพระองค์จะเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรก่อนกำหนดเวลาเดิม 10 วัน และจะมีองค์ชายไปด้วย ขุนนางชอยบอกขุนนางฮงว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ฆ่าองค์ชาย
ซานถามคุกยองว่าพระองค์ควรไปกับขบวนเสด็จไหม คุกยองบอกว่าถ้าเป็นเขาเขาจะไม่ไป แต่เขาคิดว่าองค์ชายจะไป องค์ชายบอกว่าคุกยองคิดถูก พระองค์จะไปเผชิญหน้ากับศัตรู คุกยองจึงขอทหารเอก3คนไปกับเขาโดยไม่ต้องไปกับขบวนเสด็จ
ฮูคยอมเตรียมหาคนแม่นปืนมา 10 คน เพื่อที่จะแอบซุ่มฆ่าองค์ชายระหว่างทางที่เสด็จไปเยี่ยมราษฎรกับพระราชา
เทซูเป็นทหารหนึ่งในสามที่คุกยองเลือกให้ไปกับเขา คุกยองเอาแผนที่ที่ขบวนเสด็จผ่าน ถามว่าถ้าจะมีคนร้ายมาลอบปลงพระชนม์องค์ชายพวกคนร้ายจะซุ่มอยู่จุดไหน เมื่อเลือกจุดได้ เทซูก็เตรียมซุ่มอยู่ และได้เห็นคนร้ายกำลังเล็งปืนไปที่องค์ชาย จึงได้จัดการต่อสู้กับคนร้ายจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ
ไม่มีเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์เกิดขึ้น ขบวนเสด็จผ่านไปอย่างราบรื่นจนมาถึงหมู่บ้านแรกที่จะพักค้างคืน แต่หัวหน้าของหมู่บ้านมาหยุดขบวนเสด็จ ทูลกับพระราชาว่าตอนนี้ในหมู่บ้านกำลังเกิดโรคระบาดลึกลับ ทำให้คนล้มป่วยเป็นจำนวนมาก ขอให้พระราชาเสด็จกลับไปก่อน แต่พระราชาตรัสว่าพระองค์ต้องการไปดูประชาชนที่ล้มป่วยด้วยพระองค์เอง พระราชาสอบถามอาการป่วยจากคนไข้อย่างใกล้ชิด แต่ว่าในเช้าวันต่อมา ขณะที่พระราชาเสด็จพระราชดำเนิน ก็ทรงเป็นลมล้มฟุบลงไป องค์ชายรีบเข้ามาประคองและเรียกหาหมอหลวงมาดูพระอาการของพระราชาด้วยความเป็นห่วง
พระนางฮเย- คยองมาหาองค์หญิงพระชายาบอกว่าพระนางได้เรียกจิตรกรจากศูนย์ศิลปะมาวาดภาพผลทับทิมที
่เป็นสัญลักษณ์การให้กำเนิดทารกที่จะเป็นทายาทของราชวงศ์ต่อไป พระนางบอกว่าเป็นหน้าที่ขององค์หญิงที่จะต้องให้กำเนิดองค์รัชทายาทเพื่อให้ฐานะของอ
งค์ชายในราชสำนักมั่นคงขึ้น
พระนางยังไปหาองค์ชายถึงตำหนัก ถามองค์ชายว่าได้ไปหาองค์หญิงพระชายาครั้งสุดท้ายเมื่อไร องค์ชายหน้าเจื่อนลง พระนางจึงบอกว่าพระนางไม่อยากให้องค์ชายละเลยองค์หญิง องค์ชายควรจะไปหาองค์หญิงบ่อยกว่านี้
ในค่ำวันนั้น องค์หญิงพระชายาได้เชิญซงยอนที่มาช่วยจิตรกรวาดภาพในวัง มาดื่มน้ำชากัน และถามเธอถึงความหลังเมื่อเธอยังเด็ก ได้พบและเป็นเพื่อนกับองค์ชายได้ยังไง
พอดีกับคืนนั้น องค์ชายได้เสด็จมาหาองค์หญิงพระชายา และได้เจอกับซงยอน และพระองค์ได้แสดงความห่วงใยซงยอนออกมาอย่างชัดเจน จนองค์หญิงพระชายารู้สึกสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง
คุกยองมาหาองค์ชายเพื่อขอเงินองค์ชาย 500 หยาง องค์ชายก็ให้ไปโดยไม่ถามเหตุผลว่าคุกยองจะเอาเงินไปทำอะไร คุกยองเอาเงิน 500 หยางไปซื้อบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับบ้านของฮูคยอม
พระราชาบอกเหล่าขุนนางว่าพระองค์จะเสด็จไปเยี่ยมเยียนราษฎรก่อนกำหนดเวลาเดิม 10 วัน และจะมีองค์ชายไปด้วย ขุนนางชอยบอกขุนนางฮงว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ฆ่าองค์ชาย
ซานถามคุกยองว่าพระองค์ควรไปกับขบวนเสด็จไหม คุกยองบอกว่าถ้าเป็นเขาเขาจะไม่ไป แต่เขาคิดว่าองค์ชายจะไป องค์ชายบอกว่าคุกยองคิดถูก พระองค์จะไปเผชิญหน้ากับศัตรู คุกยองจึงขอทหารเอก3คนไปกับเขาโดยไม่ต้องไปกับขบวนเสด็จ
ฮูคยอมเตรียมหาคนแม่นปืนมา 10 คน เพื่อที่จะแอบซุ่มฆ่าองค์ชายระหว่างทางที่เสด็จไปเยี่ยมราษฎรกับพระราชา
เทซูเป็นทหารหนึ่งในสามที่คุกยองเลือกให้ไปกับเขา คุกยองเอาแผนที่ที่ขบวนเสด็จผ่าน ถามว่าถ้าจะมีคนร้ายมาลอบปลงพระชนม์องค์ชายพวกคนร้ายจะซุ่มอยู่จุดไหน เมื่อเลือกจุดได้ เทซูก็เตรียมซุ่มอยู่ และได้เห็นคนร้ายกำลังเล็งปืนไปที่องค์ชาย จึงได้จัดการต่อสู้กับคนร้ายจนตัวเองได้รับบาดเจ็บ
ไม่มีเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์เกิดขึ้น ขบวนเสด็จผ่านไปอย่างราบรื่นจนมาถึงหมู่บ้านแรกที่จะพักค้างคืน แต่หัวหน้าของหมู่บ้านมาหยุดขบวนเสด็จ ทูลกับพระราชาว่าตอนนี้ในหมู่บ้านกำลังเกิดโรคระบาดลึกลับ ทำให้คนล้มป่วยเป็นจำนวนมาก ขอให้พระราชาเสด็จกลับไปก่อน แต่พระราชาตรัสว่าพระองค์ต้องการไปดูประชาชนที่ล้มป่วยด้วยพระองค์เอง พระราชาสอบถามอาการป่วยจากคนไข้อย่างใกล้ชิด แต่ว่าในเช้าวันต่อมา ขณะที่พระราชาเสด็จพระราชดำเนิน ก็ทรงเป็นลมล้มฟุบลงไป องค์ชายรีบเข้ามาประคองและเรียกหาหมอหลวงมาดูพระอาการของพระราชาด้วยความเป็นห่วง
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°18
รัว เท่าที่จะลงได้
part 17
หลังจากกษัตริย์ยองโจเป็นลมล้มลงไป หมอหลวงได้มาตรวจพระอาการ แล้วบอกว่าพระราชาติดโรคระบาดลึกลับจากประชาชนที่พระองค์ได้ไปสัมผัสใกล้ชิด ทำให้พระองค์หมดสติไปและห้ามเคลื่อนย้ายพระองค์จากหมู่บ้านนั้นเพราะทรงมีสุขภาพอ่อน
แอ พวกขุนนางที่คิดก่อกบฎที่ตามเสด็จไปด้วยเกิดกังวลว่าถ้ากษัตริย์ยองโจไม่หายจากโรคนี
้และสิ้นพระชนม์ไป องค์ชายอิซานก็จะได้ขึ้นครองราชย์ทันที จึงให้รีบส่งข่าวไปแจ้งกับพระมเหสีจองชุน มเหสีเมื่อทราบข่าว ก็ส่งข่าวตอบว่าถ้าพระราชาไม่หาย ก็ให้ฆ่าองค์ชายอิซานซะ
เมื่อพระราชารู้สึกพระองค์ ได้เรียกองค์ชายมาเข้าเฝ้า และสั่งให้องค์ชายรีบกลับวังทันที พระราชาบอกว่าในเมื่อพระองค์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ก็ให้องค์ชายดูแลปกครองบ้านเมืองแทนพระองค์ เพราะนั่นคือหน้าที่ขององค์รัชทายาท
องค์ชายรู้อยู่แล้วระหว่างทางกลับจะต้องมีคนมาทำร้าย คุกยองเสนอว่ามีทางกลับไปวังสองทาง ให้ทหารองครักษ์คนหนึ่งปลอมตัวเป็นองค์ชาย ไปทางหนึ่ง แล้วให้องค์ชายไปอีกทางหนึ่ง องค์ชายไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้ใครสละชีวิตเพื่อพระองค์ ดังนั้นทั้งหมดจึงไปด้วยกัน เมื่อถึงหมู่บ้านที่จะให้ม้าพัก คุกยองและขันทีนามก็วางแผนให้เทซูปลอมตัวเป็นองค์ชายและนำทหารจำนวนหนึ่งออกไปก่อน เพื่อให้คนร้ายตามไป และเทซูและทหารจำนวนนั้นก็ถูกคนร้ายโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กว่าองค์ชายจะรู้ก็สายเกินไปแล้ว
องค์ชายกลับมาถึงวังอย่างปลอดภัย และทำหน้าที่สั่งการต่างๆแทนพระราชา สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับพระมเหสีจองชุน
part 18
องค์ชายพบกับองค์ฮวาวาน (ตอนก่อนๆใช้องค์หญิงองจู) ระหว่างทางกลับตำหนัก องค์ชายถามว่าองค์หญิงมาทำอะไรที่นี่เพราะพระราชาขับไล่นางออกจากวังแล้ว องค์หญิงบอกว่านางมาเยี่ยมพระอาการประชวรของพระราชา พระบิดาของนาง องค์ชายรับสั่งหนักแน่น ห้ามองค์หญิงฮวาวานเข้าวัง ไม่งั้นจะเป็นการขัดต่อพระบรมราชโองการ
องค์หญิงฮวาวานไปพบกับพระมเหสีทูลฟ้องว่าตอนนี้องค์ชายเริ่มจะเหิมเกริม ทำตัวเหมือนว่าเป็นพระราชาเสียเอง ถ้าพระราชาสิ้นพระชนม์ องค์ชายก็จะได้ขึ้นครองราชย์แทน พระองค์คงจะสั่งฆ่าพวกนางทุกคน พระมเหสีบอกว่านางจะไม่ปล่อยให้วันนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด
ฮงคุกยองทูลองค์ชายว่าพระองค์ควรจะเตรียมตัวที่จะเป็นพระราชาถ้าเกิดพระราชาสิ้นพระช
นม์ องค์ชายโกรธมาก ถามฮงคุกยองว่ากล้าพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ฮงคุกยองไปพูดกับขันทีนาม ว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้น เพื่อให้องค์ชายเตรียมรับสถานการณ์ไม่งั้นก็จะเกิดเหตุวุ่นวาย
ที่หมู่บ้านที่พระราชาล้มป่วย ขุนนางชอยพูดกับจองฮูคยอมว่าเราต้องพาพระราชากลับวัง เพราะในวังตอนนี้องค์ชายมีอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือ และพระมเหสีอยู่ที่วังคนเดียวอาจจะทำอะไรไม่ถนัด จองฮูคยอมก็ไปขู่หมอหลวงว่าอยู่ที่นี่พระราชาก็พระอาการไม่ดีขึ้นเพราะฉะนั้นสมควรพา
กลับวัง
ฮงคุกยองไปหาเพื่อนเก่าที่เคยเรียนมาด้วยกัน บอกว่าองค์ชายกำลังจะได้ขึ้นครองบัลลังก็ พวกเขาก็อาจมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆนั้นด้วย
องค์ชายตกใจที่ทราบข่าวว่าพระราชาเสด็จกลับมาที่วังทั้งๆที่พระพลานามัยยังอ่อนแอ จึงตำหนิหมอหลวงอย่างรุนแรง พระมเหสีผ่านมาได้ยินจึงบอกองค์ชายว่าองค์ชายควรจะยินดีที่พระราชากลับมาถึงวังอย่าง
ปลอดภัย หรือว่าที่องค์ชายโกรธเป็นเพราะว่าไม่อยากให้พระราชากลับมากันแน่
พระราชาเรียกขันทีมาเพราะอยากจะเขียนพระบรมราชโองการ พระมเหสีเตรียมจะเอายาไปถวายพระราชา ก็ได้ยินพระบรมราชโองการที่พระราชาสั่งว่าตอนนี้พระองค์ป่วยมากไม่สามารถปฏิบัติงานต
่างๆได้จะขอมอบอำนาจทั้งหมดไว้ให้กับองค์ชาย พระมเหสีเมื่อได้ยินก็สั่งให้เอาพระบรมราชโอการนั้นให้นาง และให้ทำเหมือนว่าไม่มีพระบรมราชโองการนี้อยู่
พระอาการของพระราชาทรุดลงเรื่อยๆ พระมเหสีเรียกองค์หญิงฮวาวาน ขุนนางชอยและจองฮูคยอมมาพบ ถามว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ ฮูคยอมบอกว่าเขาจะทำให้องค์ชายเสียชื่อ ฮูคยอมไปปล่อยข่าวลือว่าองค์ชายไปบอกคนอื่นๆว่าพระองค์กำลังจะเป็นพระราชาเพราะพระรา
ชาองค์ปัจจุบันกำลังจะสิ้นพระชนม์
องค์หญิงฮวาวานนำยารักษาโรคตัวใหม่ที่สามารถรักษาพระอาการของป่วยพระราชาได้ให้กับจอ
งฮูคยอม แต่องค์ชายไม่อนุญาตให้นำยาตัวใหม่นี้ถวายพระราชาเพราะไม่ไว้ใจ
มีข่าวลือไปทั่วว่าที่องค์ชายไม่ยอมให้ใช้ยาตัวใหม่เพราะองค์ชายไม่อยากให้พระราชาหา
ย
ฮงคุกยองรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่เขาทำให้เกิดข่าวลือแบบนั้นจึงไปพบจองฮูคยอมถามเก
ี่ยวกับยา ฮูคยอมบอกว่าที่เขาให้ยานั้นเพราะต้องการให้พระราชาหายประชวร
ฮงคุกยองเลยไปขอให้องค์ชายถวายยาตัวใหม่ให้พระราชา อ้างเหตุผลว่าสิ่งที่ศัตรูขององค์ชายกลัวที่สุดคือถ้าพระราชาจะสิ้นพระชนม์แล้วองค์ช
ายได้ขึ้นครองราชย์ เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่มีวันนำยาไม่ดีมาให้
องค์ชายจึงยอมนำยาตัวใหม่ให้พระราชาเสวย หลังจากพระราชาเสวยยาตัวใหม่ พระองค์ก็นอนหลับสนิท ทุกคนต่างกระวนกระวายอยากรู้ถึงพระอาการของพระราชา
องค์ชายเสด็จไปเยี่ยมพระราชา ขันทีหน้าห้องของพระราชาก็ทูลกับองค์ชายว่าพระราชาอาการทรุดหนักลงจนถึงขั้นวิกฤติแล
้วตอนนี้
หลังจากกษัตริย์ยองโจเป็นลมล้มลงไป หมอหลวงได้มาตรวจพระอาการ แล้วบอกว่าพระราชาติดโรคระบาดลึกลับจากประชาชนที่พระองค์ได้ไปสัมผัสใกล้ชิด ทำให้พระองค์หมดสติไปและห้ามเคลื่อนย้ายพระองค์จากหมู่บ้านนั้นเพราะทรงมีสุขภาพอ่อน
แอ พวกขุนนางที่คิดก่อกบฎที่ตามเสด็จไปด้วยเกิดกังวลว่าถ้ากษัตริย์ยองโจไม่หายจากโรคนี
้และสิ้นพระชนม์ไป องค์ชายอิซานก็จะได้ขึ้นครองราชย์ทันที จึงให้รีบส่งข่าวไปแจ้งกับพระมเหสีจองชุน มเหสีเมื่อทราบข่าว ก็ส่งข่าวตอบว่าถ้าพระราชาไม่หาย ก็ให้ฆ่าองค์ชายอิซานซะ
เมื่อพระราชารู้สึกพระองค์ ได้เรียกองค์ชายมาเข้าเฝ้า และสั่งให้องค์ชายรีบกลับวังทันที พระราชาบอกว่าในเมื่อพระองค์ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ก็ให้องค์ชายดูแลปกครองบ้านเมืองแทนพระองค์ เพราะนั่นคือหน้าที่ขององค์รัชทายาท
องค์ชายรู้อยู่แล้วระหว่างทางกลับจะต้องมีคนมาทำร้าย คุกยองเสนอว่ามีทางกลับไปวังสองทาง ให้ทหารองครักษ์คนหนึ่งปลอมตัวเป็นองค์ชาย ไปทางหนึ่ง แล้วให้องค์ชายไปอีกทางหนึ่ง องค์ชายไม่เห็นด้วย เพราะไม่อยากให้ใครสละชีวิตเพื่อพระองค์ ดังนั้นทั้งหมดจึงไปด้วยกัน เมื่อถึงหมู่บ้านที่จะให้ม้าพัก คุกยองและขันทีนามก็วางแผนให้เทซูปลอมตัวเป็นองค์ชายและนำทหารจำนวนหนึ่งออกไปก่อน เพื่อให้คนร้ายตามไป และเทซูและทหารจำนวนนั้นก็ถูกคนร้ายโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส กว่าองค์ชายจะรู้ก็สายเกินไปแล้ว
องค์ชายกลับมาถึงวังอย่างปลอดภัย และทำหน้าที่สั่งการต่างๆแทนพระราชา สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับพระมเหสีจองชุน
part 18
องค์ชายพบกับองค์ฮวาวาน (ตอนก่อนๆใช้องค์หญิงองจู) ระหว่างทางกลับตำหนัก องค์ชายถามว่าองค์หญิงมาทำอะไรที่นี่เพราะพระราชาขับไล่นางออกจากวังแล้ว องค์หญิงบอกว่านางมาเยี่ยมพระอาการประชวรของพระราชา พระบิดาของนาง องค์ชายรับสั่งหนักแน่น ห้ามองค์หญิงฮวาวานเข้าวัง ไม่งั้นจะเป็นการขัดต่อพระบรมราชโองการ
องค์หญิงฮวาวานไปพบกับพระมเหสีทูลฟ้องว่าตอนนี้องค์ชายเริ่มจะเหิมเกริม ทำตัวเหมือนว่าเป็นพระราชาเสียเอง ถ้าพระราชาสิ้นพระชนม์ องค์ชายก็จะได้ขึ้นครองราชย์แทน พระองค์คงจะสั่งฆ่าพวกนางทุกคน พระมเหสีบอกว่านางจะไม่ปล่อยให้วันนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด
ฮงคุกยองทูลองค์ชายว่าพระองค์ควรจะเตรียมตัวที่จะเป็นพระราชาถ้าเกิดพระราชาสิ้นพระช
นม์ องค์ชายโกรธมาก ถามฮงคุกยองว่ากล้าพูดอย่างนั้นได้อย่างไร ฮงคุกยองไปพูดกับขันทีนาม ว่าสิ่งที่เขาพูดไปนั้น เพื่อให้องค์ชายเตรียมรับสถานการณ์ไม่งั้นก็จะเกิดเหตุวุ่นวาย
ที่หมู่บ้านที่พระราชาล้มป่วย ขุนนางชอยพูดกับจองฮูคยอมว่าเราต้องพาพระราชากลับวัง เพราะในวังตอนนี้องค์ชายมีอำนาจทั้งหมดอยู่ในมือ และพระมเหสีอยู่ที่วังคนเดียวอาจจะทำอะไรไม่ถนัด จองฮูคยอมก็ไปขู่หมอหลวงว่าอยู่ที่นี่พระราชาก็พระอาการไม่ดีขึ้นเพราะฉะนั้นสมควรพา
กลับวัง
ฮงคุกยองไปหาเพื่อนเก่าที่เคยเรียนมาด้วยกัน บอกว่าองค์ชายกำลังจะได้ขึ้นครองบัลลังก็ พวกเขาก็อาจมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆนั้นด้วย
องค์ชายตกใจที่ทราบข่าวว่าพระราชาเสด็จกลับมาที่วังทั้งๆที่พระพลานามัยยังอ่อนแอ จึงตำหนิหมอหลวงอย่างรุนแรง พระมเหสีผ่านมาได้ยินจึงบอกองค์ชายว่าองค์ชายควรจะยินดีที่พระราชากลับมาถึงวังอย่าง
ปลอดภัย หรือว่าที่องค์ชายโกรธเป็นเพราะว่าไม่อยากให้พระราชากลับมากันแน่
พระราชาเรียกขันทีมาเพราะอยากจะเขียนพระบรมราชโองการ พระมเหสีเตรียมจะเอายาไปถวายพระราชา ก็ได้ยินพระบรมราชโองการที่พระราชาสั่งว่าตอนนี้พระองค์ป่วยมากไม่สามารถปฏิบัติงานต
่างๆได้จะขอมอบอำนาจทั้งหมดไว้ให้กับองค์ชาย พระมเหสีเมื่อได้ยินก็สั่งให้เอาพระบรมราชโอการนั้นให้นาง และให้ทำเหมือนว่าไม่มีพระบรมราชโองการนี้อยู่
พระอาการของพระราชาทรุดลงเรื่อยๆ พระมเหสีเรียกองค์หญิงฮวาวาน ขุนนางชอยและจองฮูคยอมมาพบ ถามว่าควรจะทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้ ฮูคยอมบอกว่าเขาจะทำให้องค์ชายเสียชื่อ ฮูคยอมไปปล่อยข่าวลือว่าองค์ชายไปบอกคนอื่นๆว่าพระองค์กำลังจะเป็นพระราชาเพราะพระรา
ชาองค์ปัจจุบันกำลังจะสิ้นพระชนม์
องค์หญิงฮวาวานนำยารักษาโรคตัวใหม่ที่สามารถรักษาพระอาการของป่วยพระราชาได้ให้กับจอ
งฮูคยอม แต่องค์ชายไม่อนุญาตให้นำยาตัวใหม่นี้ถวายพระราชาเพราะไม่ไว้ใจ
มีข่าวลือไปทั่วว่าที่องค์ชายไม่ยอมให้ใช้ยาตัวใหม่เพราะองค์ชายไม่อยากให้พระราชาหา
ย
ฮงคุกยองรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบที่เขาทำให้เกิดข่าวลือแบบนั้นจึงไปพบจองฮูคยอมถามเก
ี่ยวกับยา ฮูคยอมบอกว่าที่เขาให้ยานั้นเพราะต้องการให้พระราชาหายประชวร
ฮงคุกยองเลยไปขอให้องค์ชายถวายยาตัวใหม่ให้พระราชา อ้างเหตุผลว่าสิ่งที่ศัตรูขององค์ชายกลัวที่สุดคือถ้าพระราชาจะสิ้นพระชนม์แล้วองค์ช
ายได้ขึ้นครองราชย์ เพราะฉะนั้นพวกเขาไม่มีวันนำยาไม่ดีมาให้
องค์ชายจึงยอมนำยาตัวใหม่ให้พระราชาเสวย หลังจากพระราชาเสวยยาตัวใหม่ พระองค์ก็นอนหลับสนิท ทุกคนต่างกระวนกระวายอยากรู้ถึงพระอาการของพระราชา
องค์ชายเสด็จไปเยี่ยมพระราชา ขันทีหน้าห้องของพระราชาก็ทูลกับองค์ชายว่าพระราชาอาการทรุดหนักลงจนถึงขั้นวิกฤติแล
้วตอนนี้
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°19
รัว เท่าที่จะลงได้ 2
part 19
หลังจาก พระราชาได้เสวยยาตัวใหม่ ก็มีอาการไข้ขึ้นสูง หมดสติ องค์ชายจึงตัดสินพระทัยที่จะให้หยุดยา แต่องค์หญิงฮวาวานทรงขอร้องให้ใช้ยาต่อไป โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ในคืนนั้น พระราชาก็ทรงมีพระอาการดีขึ้นจนฟื้นคืนสติ และด้วยเหตุที่องค์หญิงฮวาวานเป็นผู้นำยามาถวายการรักษาจนสำเร็จด้วยดี พระมเหสีจึงใช้เป็นข้ออ้างในการนำองค์หญิงฮวาวานกลับคืนสู่พระราชวัง
เมื่อพระราชาทรงหายประชวรแล้ว ก็ทรงเรียกหาองค์ชาย เพื่อตรัสถามว่าเหตุใดจึงไม่มาปรึกษาเรื่องการบ้านการเมืองเลย ทั้งที่ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปแล้ว แต่องค์ชายทรงยืนยันไม่รู้เรื่องการแต่งตั้งดังกล่าว เมื่อเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณพระมเหสี พระนางจึงเสด็จไปที่ตำหนักพระราชา และทรงชี้แจงว่า นางเก็บราชโองการนั้นไว้ เพราะความภักดีต่อพระราชาและราชสำนัก หากราชโองการฉบับนี้ประกาศออกไปหลังจากพระราชาหมดสติ อาจกลายเป็นข้อกล่าวหาได้ว่า องค์ชายถือโอกาสฮุบราชสมบัติ และแผ่นดินจะเกิดความวุ่นวาย แตกแยก ด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดีขององค์ชายจึงทรงช่วยตรัสแก้แทนพระมเหสี ดังนั้นพระราชาจึงทรงอภัยให้ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังยืนยันความคิดที่จะให้องค์ชายเป็นผู้สำเร็จราชการ และครั้งนี้พระองค์จะเป็นผู้ประกาศราชโองการเองต่อหน้าเหล่าขุนนาง
ตอนนี้พูดถึงซงยอนนิดหน่อยว่า ภายในสำนักจิตรกรนั้น มีงานล้นมือมากๆ ทำกันไม่ไหว ขุนนางผู้ปกครองสำนักจึงมีคำสั่งให้ซงยอนมาช่วยวาด ซึ่งขุนนางจิตรกรคนอื่นก็โต้แย้งว่าซงยอนเป็นผู้หญิง เป็นแค่ทาโม วาดรูปไม่ได้ แต่ขุนนางผู้ปกครองสำนักก็ยืนยันคำสั่งนั้น
องค์ชายต้องเปลี่ยนฐานะไปเป็นผู้สำเร็จราชการ ต้องปกครองเหล่าขุนนาง และบำรุงสุขแก่ราษฎร พร้อมด้วยความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดิน ส่วนซงยอนก็ต้องเปลี่ยนจากทาโมไปเป็นจิตรกร ได้วาดรูปอย่างเป็นทางการครั้งแรก ท่ามกลางความโต้แย้งของเหล่าขุนนางจิตรกรทั้งหลาย
part 20
วันแรกของการออกว่าราชการขององค์ชายในฐานะผู้สำเร็จราชการ องค์ชายได้แสดงเจตนารมณ์ว่าประเทศมีกฎหมายและค่านิยมบางอย่างที่ล้าสมัย ซึ่งพระองค์เห็นควรให้ปฏิรูประบบราชการ ทั้งนี้พระองค์จะเสด็จเข้าร่วมประชุมเพื่อฟังความคิดเห็นจากขุนนางทุกระดับชั้นด้วยอ
งค์เอง องค์ชายทรงแต่งตั้งฮงคุกยองให้เป็นผู้สืบสวน เริ่มจากเรื่องการค้าขายของพ่อค้าที่มีขุนนางที่รับสินบนคอยหนุนหลัง ซึ่งขุนนางเหล่านี้ก็คือ ขุนนางฝ่าย No Ron นั่นเอง และขุนนางกลุ่มนี้ก็ทราบดีว่าองค์ชายต้องการตัดกำลังเงินสนับสนุนของพวกตนที่ได้รับจ
ากพ่อค้า จึงหาทางแก้ไขด้วยวิธีดึงฮงคุกยอง คนสนิทขององค์ชายมาเข้าเป็นพวก แต่ไม่สำเร็จ
ที่สำนักจิตรกร ขุนนางผู้ปกครองสำนักก็อนุญาตให้ซงยอนวาดรูป โดยให้เหตุผลว่า หากผู้หญิงหรือทาโมคนใดมีความสามารถ มีพรสวรรค์ในการวาดรูป ทุกคนก็สามารถวาดรูปได้ แต่ขุนนางจิตรกรอื่นๆ แย้งว่า การให้ทาโมซึ่งเป็นผู้หญิงมาเป็นจิตรกรนั้นเป็นการขัดกับประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ
และเหล่าขุนนางจิตรกรยังรู้สึกว่าตนถูกดูถูก เป็นพวกไร้ความสามารถ จึงต้องให้ผู้หญิงมาทำงานแทนตน ดังนั้นจึงรวมตัวกันต่อต้านถึงขั้นล่ารายชื่อเพื่อส่งฎีกาประท้วง ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายในสำนักจิตรกร ส่วนขุนนางผู้ปกครองสำนักก็ส่งฎีกาไปที่องค์ชายเพื่อขอให้ทำการปฏิรูประบบของสำนักจิ
ตรกร องค์ชายและเหล่าขุนนาง รวมถึงเหล่าขุนนางจิตรกรจึงร่วมประชุมกันและลงความเห็นว่า จะจัดการแข่งขันวาดรูปของขุนนางจิตรกร และอนุญาตให้ซงยอนเข้าร่วมด้วย หากว่าซงยอนสามารถชนะการประกวดอยู่ใน 5 อันดับแรกได้ จึงจะได้รับการยอมรับจากเหล่าขุนนางจิตรกรนั้น ทั้งแรงต่อต้านจากเหล่าขุนนางจิตรกร และความวุ่นวายภายในสำนักจิตรกร จึงเหมือนเป็นแรงกดดันทำให้ซงยอนรู้สึกสับสน วุ่นวายใจ จนไม่สามารถวาดรูปได้ ความนี้รู้ถึงพระกรรณองค์ชาย พระองค์จึงเสด็จไปให้กำลังใจในคืนก่อนแข่งขัน
ณ วันแข่งขัน ซงยอนถูกแกล้งด้วยการผสมสีต่างๆ เข้าด้วยกัน จนไม่สามารถนำสีเหล่านั้นมาใช้ได้ ดังนั้น ซงยอนจึงต้องใช้สีดำวาดรูปแทน และผลการแข่งขัน ออกมาว่า ............ ติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ
หมายเหตุ : ระบบค้าขาย จะแบ่งตลาดออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ตลาดบนดิน กับ ตลาดใต้ดิน ซึ่งพ่อค้าตลาดบนดินจะเป็นพวกที่จ่ายเงินให้ขุนนางฝ่าย No Ron เพื่อให้ได้รับสัมปทานการค้า และได้รับการคุ้มครองจากขุนนาง จึงทำให้พ่อค้ากลุ่มนี้สามารถตั้งราคาขายได้เองตามใจชอบ และมักตั้งราคาแพงๆ เพราะต้องนำเงินส่วนแบ่งไปให้ขุนนางส่วนตลาดใต้ดินก็เป็นตลาดลักลอบขาย และราคาของก็จะถูกกว่ามาก เป็นที่พึ่งพาของกลุ่มคนยากจน ซึ่งองค์ชายทราบเรื่องนี้ดี และเห็นใจกลุ่มคนยากจน จึงพยายามที่จะผลักดันตลาดใต้ดินให้เป็นตลาดบนดินที่ถูกกฎหมายและไม่ต้องติดสินบน นอกจากช่วยกลุ่มคนยากจนแล้ว ยังเป็นการลดการคอรัปชั่นในกลุ่มขุนนางด้วย
part 21
ขณะประกาศผลการแข่งขัน องค์ชายเสด็จมาแอบร่วมฟังด้วยตนเอง (ข่าวนี้ไปถึงหูพระมเหสีและฝ่ายขุนนาง No Ron ทำให้เกิดข่าวลือว่าซงยอนเป็นคนพิเศษขององค์ชาย) และผลคือ ซงยอนได้อันดับที่ 5 และได้เป็นจิตรกร ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เหล่าขุนนางจิตรกร ถึงกับไปขอคำอธิบายจากท่านกรรมการ
ส่วนองค์ชายก็วางแผนไปร่วมประชุมลับกับกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด เพื่อชี้แจงว่าพวกเขาต้องรวบรวมรายชื่อของพ่อค้าในตลาดมืดทุกคนและต้องเสียภาษี จึงจะสามารถค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย ส่วนฮงคุกยองก็วางแผนจับลูกน้องของพ่อค้ากลุ่มตลาดบนดิน และสาวไปถึงเจ้านายของกลุ่ม เพื่อค้นหาหลักฐานการติดสินบนขุนนาง นอกจากนี้องค์ชายยังได้เรียกประชุมเหล่าขุนนาง เพื่อแจ้งเรื่องการทำตลาดใต้ดินให้กลายเป็นตลาดบนดินที่ถูกกฎหมาย ฝ่ายขุนนาง No Ron แย้งว่า หากทำให้ทุกคนสามารถค้าขายได้อย่างเสรี เกษตรกรก็จะเดินทางเข้ามาเพื่อเป็นพ่อค้าซะเอง และจะไม่มีคนทำงานด้านเกษตร อาจทำให้เกิดการขาดแคลนผลผลิตทางการเกษตรได้
องค์ชายประกาศให้กลุ่มพ่อค้าตลาดมืดมาขึ้นทะเบียนและจ่ายภาษี จึงจะสามารถค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย ส่วนการสอบสวนของฮงคุกยองก็ยังคงดำเนินต่อไป
ฝ่ายขุนนาง No Ron ได้เตรียมแผนแก้ไขไว้เช่นกัน คือ เริ่มจากให้พ่อค้านำสินค้าของตนออกมาเผา และประกาศปิดกิจการจนกว่าองค์ชายจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนของกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด เนื่องจากการปิดร้านของกลุ่มพ่อค้าบนดิน จึงทำให้สินค้าในตลาดลดลงและมีราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่มีเรือสินค้านำสินค้าเข้าเมืองหลวงอีกด้วย ดังนั้น การค้าขายสินค้าในเมืองหลวงจึงหยุดชะงัก
หลังจาก พระราชาได้เสวยยาตัวใหม่ ก็มีอาการไข้ขึ้นสูง หมดสติ องค์ชายจึงตัดสินพระทัยที่จะให้หยุดยา แต่องค์หญิงฮวาวานทรงขอร้องให้ใช้ยาต่อไป โดยใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ในคืนนั้น พระราชาก็ทรงมีพระอาการดีขึ้นจนฟื้นคืนสติ และด้วยเหตุที่องค์หญิงฮวาวานเป็นผู้นำยามาถวายการรักษาจนสำเร็จด้วยดี พระมเหสีจึงใช้เป็นข้ออ้างในการนำองค์หญิงฮวาวานกลับคืนสู่พระราชวัง
เมื่อพระราชาทรงหายประชวรแล้ว ก็ทรงเรียกหาองค์ชาย เพื่อตรัสถามว่าเหตุใดจึงไม่มาปรึกษาเรื่องการบ้านการเมืองเลย ทั้งที่ได้แต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไปแล้ว แต่องค์ชายทรงยืนยันไม่รู้เรื่องการแต่งตั้งดังกล่าว เมื่อเรื่องนี้ไปถึงพระกรรณพระมเหสี พระนางจึงเสด็จไปที่ตำหนักพระราชา และทรงชี้แจงว่า นางเก็บราชโองการนั้นไว้ เพราะความภักดีต่อพระราชาและราชสำนัก หากราชโองการฉบับนี้ประกาศออกไปหลังจากพระราชาหมดสติ อาจกลายเป็นข้อกล่าวหาได้ว่า องค์ชายถือโอกาสฮุบราชสมบัติ และแผ่นดินจะเกิดความวุ่นวาย แตกแยก ด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดีขององค์ชายจึงทรงช่วยตรัสแก้แทนพระมเหสี ดังนั้นพระราชาจึงทรงอภัยให้ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังยืนยันความคิดที่จะให้องค์ชายเป็นผู้สำเร็จราชการ และครั้งนี้พระองค์จะเป็นผู้ประกาศราชโองการเองต่อหน้าเหล่าขุนนาง
ตอนนี้พูดถึงซงยอนนิดหน่อยว่า ภายในสำนักจิตรกรนั้น มีงานล้นมือมากๆ ทำกันไม่ไหว ขุนนางผู้ปกครองสำนักจึงมีคำสั่งให้ซงยอนมาช่วยวาด ซึ่งขุนนางจิตรกรคนอื่นก็โต้แย้งว่าซงยอนเป็นผู้หญิง เป็นแค่ทาโม วาดรูปไม่ได้ แต่ขุนนางผู้ปกครองสำนักก็ยืนยันคำสั่งนั้น
องค์ชายต้องเปลี่ยนฐานะไปเป็นผู้สำเร็จราชการ ต้องปกครองเหล่าขุนนาง และบำรุงสุขแก่ราษฎร พร้อมด้วยความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ต่อแผ่นดิน ส่วนซงยอนก็ต้องเปลี่ยนจากทาโมไปเป็นจิตรกร ได้วาดรูปอย่างเป็นทางการครั้งแรก ท่ามกลางความโต้แย้งของเหล่าขุนนางจิตรกรทั้งหลาย
part 20
วันแรกของการออกว่าราชการขององค์ชายในฐานะผู้สำเร็จราชการ องค์ชายได้แสดงเจตนารมณ์ว่าประเทศมีกฎหมายและค่านิยมบางอย่างที่ล้าสมัย ซึ่งพระองค์เห็นควรให้ปฏิรูประบบราชการ ทั้งนี้พระองค์จะเสด็จเข้าร่วมประชุมเพื่อฟังความคิดเห็นจากขุนนางทุกระดับชั้นด้วยอ
งค์เอง องค์ชายทรงแต่งตั้งฮงคุกยองให้เป็นผู้สืบสวน เริ่มจากเรื่องการค้าขายของพ่อค้าที่มีขุนนางที่รับสินบนคอยหนุนหลัง ซึ่งขุนนางเหล่านี้ก็คือ ขุนนางฝ่าย No Ron นั่นเอง และขุนนางกลุ่มนี้ก็ทราบดีว่าองค์ชายต้องการตัดกำลังเงินสนับสนุนของพวกตนที่ได้รับจ
ากพ่อค้า จึงหาทางแก้ไขด้วยวิธีดึงฮงคุกยอง คนสนิทขององค์ชายมาเข้าเป็นพวก แต่ไม่สำเร็จ
ที่สำนักจิตรกร ขุนนางผู้ปกครองสำนักก็อนุญาตให้ซงยอนวาดรูป โดยให้เหตุผลว่า หากผู้หญิงหรือทาโมคนใดมีความสามารถ มีพรสวรรค์ในการวาดรูป ทุกคนก็สามารถวาดรูปได้ แต่ขุนนางจิตรกรอื่นๆ แย้งว่า การให้ทาโมซึ่งเป็นผู้หญิงมาเป็นจิตรกรนั้นเป็นการขัดกับประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ
และเหล่าขุนนางจิตรกรยังรู้สึกว่าตนถูกดูถูก เป็นพวกไร้ความสามารถ จึงต้องให้ผู้หญิงมาทำงานแทนตน ดังนั้นจึงรวมตัวกันต่อต้านถึงขั้นล่ารายชื่อเพื่อส่งฎีกาประท้วง ซึ่งก่อให้เกิดความวุ่นวายในสำนักจิตรกร ส่วนขุนนางผู้ปกครองสำนักก็ส่งฎีกาไปที่องค์ชายเพื่อขอให้ทำการปฏิรูประบบของสำนักจิ
ตรกร องค์ชายและเหล่าขุนนาง รวมถึงเหล่าขุนนางจิตรกรจึงร่วมประชุมกันและลงความเห็นว่า จะจัดการแข่งขันวาดรูปของขุนนางจิตรกร และอนุญาตให้ซงยอนเข้าร่วมด้วย หากว่าซงยอนสามารถชนะการประกวดอยู่ใน 5 อันดับแรกได้ จึงจะได้รับการยอมรับจากเหล่าขุนนางจิตรกรนั้น ทั้งแรงต่อต้านจากเหล่าขุนนางจิตรกร และความวุ่นวายภายในสำนักจิตรกร จึงเหมือนเป็นแรงกดดันทำให้ซงยอนรู้สึกสับสน วุ่นวายใจ จนไม่สามารถวาดรูปได้ ความนี้รู้ถึงพระกรรณองค์ชาย พระองค์จึงเสด็จไปให้กำลังใจในคืนก่อนแข่งขัน
ณ วันแข่งขัน ซงยอนถูกแกล้งด้วยการผสมสีต่างๆ เข้าด้วยกัน จนไม่สามารถนำสีเหล่านั้นมาใช้ได้ ดังนั้น ซงยอนจึงต้องใช้สีดำวาดรูปแทน และผลการแข่งขัน ออกมาว่า ............ ติดตามตอนต่อไปนะจ๊ะ
หมายเหตุ : ระบบค้าขาย จะแบ่งตลาดออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ตลาดบนดิน กับ ตลาดใต้ดิน ซึ่งพ่อค้าตลาดบนดินจะเป็นพวกที่จ่ายเงินให้ขุนนางฝ่าย No Ron เพื่อให้ได้รับสัมปทานการค้า และได้รับการคุ้มครองจากขุนนาง จึงทำให้พ่อค้ากลุ่มนี้สามารถตั้งราคาขายได้เองตามใจชอบ และมักตั้งราคาแพงๆ เพราะต้องนำเงินส่วนแบ่งไปให้ขุนนางส่วนตลาดใต้ดินก็เป็นตลาดลักลอบขาย และราคาของก็จะถูกกว่ามาก เป็นที่พึ่งพาของกลุ่มคนยากจน ซึ่งองค์ชายทราบเรื่องนี้ดี และเห็นใจกลุ่มคนยากจน จึงพยายามที่จะผลักดันตลาดใต้ดินให้เป็นตลาดบนดินที่ถูกกฎหมายและไม่ต้องติดสินบน นอกจากช่วยกลุ่มคนยากจนแล้ว ยังเป็นการลดการคอรัปชั่นในกลุ่มขุนนางด้วย
part 21
ขณะประกาศผลการแข่งขัน องค์ชายเสด็จมาแอบร่วมฟังด้วยตนเอง (ข่าวนี้ไปถึงหูพระมเหสีและฝ่ายขุนนาง No Ron ทำให้เกิดข่าวลือว่าซงยอนเป็นคนพิเศษขององค์ชาย) และผลคือ ซงยอนได้อันดับที่ 5 และได้เป็นจิตรกร ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่เหล่าขุนนางจิตรกร ถึงกับไปขอคำอธิบายจากท่านกรรมการ
ส่วนองค์ชายก็วางแผนไปร่วมประชุมลับกับกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด เพื่อชี้แจงว่าพวกเขาต้องรวบรวมรายชื่อของพ่อค้าในตลาดมืดทุกคนและต้องเสียภาษี จึงจะสามารถค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย ส่วนฮงคุกยองก็วางแผนจับลูกน้องของพ่อค้ากลุ่มตลาดบนดิน และสาวไปถึงเจ้านายของกลุ่ม เพื่อค้นหาหลักฐานการติดสินบนขุนนาง นอกจากนี้องค์ชายยังได้เรียกประชุมเหล่าขุนนาง เพื่อแจ้งเรื่องการทำตลาดใต้ดินให้กลายเป็นตลาดบนดินที่ถูกกฎหมาย ฝ่ายขุนนาง No Ron แย้งว่า หากทำให้ทุกคนสามารถค้าขายได้อย่างเสรี เกษตรกรก็จะเดินทางเข้ามาเพื่อเป็นพ่อค้าซะเอง และจะไม่มีคนทำงานด้านเกษตร อาจทำให้เกิดการขาดแคลนผลผลิตทางการเกษตรได้
องค์ชายประกาศให้กลุ่มพ่อค้าตลาดมืดมาขึ้นทะเบียนและจ่ายภาษี จึงจะสามารถค้าขายได้อย่างถูกกฎหมาย ส่วนการสอบสวนของฮงคุกยองก็ยังคงดำเนินต่อไป
ฝ่ายขุนนาง No Ron ได้เตรียมแผนแก้ไขไว้เช่นกัน คือ เริ่มจากให้พ่อค้านำสินค้าของตนออกมาเผา และประกาศปิดกิจการจนกว่าองค์ชายจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนของกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด เนื่องจากการปิดร้านของกลุ่มพ่อค้าบนดิน จึงทำให้สินค้าในตลาดลดลงและมีราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่มีเรือสินค้านำสินค้าเข้าเมืองหลวงอีกด้วย ดังนั้น การค้าขายสินค้าในเมืองหลวงจึงหยุดชะงัก
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°20
รัว เท่าที่จะลงได้ 3
part 22
การที่ไม่มีเรือสินค้าเข้าเมืองหลวง เป็นเพราะขุนนางฝ่าย No Ron ได้วางแผนให้พ่อค้าเผาสินค้าของตนเอง และไปกว้านซื้อสินค้าทั้งหมด โดยให้ราคาสูงถึงสองเท่าจากปกติ และให้พ่อค้าเหล่านั้นปิดกิจการ จนกว่าองค์ชายจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนของกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด จึงทำให้ในตลาดไม่มีสินค้าขาย และสินค้าเดิมที่มีอยู่ก็มีราคาแพงขึ้น
หลังจากองค์ชายทราบเรื่องดังกล่าว ทรงเป็นห่วงราษฎรที่ขาดแคลน จึงมีคำสั่งให้นำเกลือและฟืนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และให้ฮงคุกยองไปติดต่อเรือสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ได้ติดต่อกับพ่อค้าเหล่านั้น
ที่สำนักจิตรกรก็เกิดปัญหาขาดแคลนเช่นกัน จึงส่งผลให้การวาดบานพับ (ผู้เขียน – มักจะวาดรูปเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ ที่เป็นมงคล เพื่อเป็นการอวยพรแด่ผู้ที่ได้รับให้ตั้งครรภ์โดยเร็ว) เพื่อถวายแด่ชายาขององค์ชายล่าช้าไปด้วย ซึ่งพระชายาก็ทรงเข้าพระทัยในสถานการณ์นี้ และยังพูดคุยกับซงยอนด้วยดี แต่ซังกุงต้นห้องพระชายาพูดกับซงยอนไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวลือขององค์ชายกับซงยอนนั่นเอง
แผนต่อไปของขุนนางฝ่าย No Ron คือ การติดประกาศวิจารณ์การทำงานขององค์ชายเรื่องการขึ้นทะเบียนของกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสินค้า และทำให้ประชาชนเดือดร้อน เมื่อเรื่องนี้ถูกนำเข้าสู่วาระการประชุมของเหล่าขุนนางกับองค์ชาย ขุนนางต่างลงความเห็นว่าความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะประกาศฉบับนั้นขององค์ชาย และขอให้องค์ชายยกเลิกประกาศดังกล่าวด้วย (เหล่าขุนนางไม่คิดช่วยหาวิธีแก้ไข แต่ต้องการให้ยกเลิกประกาศ) แต่องค์ชายยังทรงยืนกรานที่จะหาวิธีแก้ไขต่อไป
นอกจากติดประกาศทั่วเมืองแล้ว ขุนนางฝ่าย No Ron ยังใช้เงินจ้างกลุ่มม็อบให้รวมตัวกัน ซึ่งฮงคุกยองก็หลงกลนี้ จึงส่งจดหมายออกคำสั่งให้ตำรวจเมืองสลายม็อบ และย้ำมิให้ใช้กำลัง มิให้มีผู้ใดได้รับอันตราย แต่ฌองฮูคยอมก็ทำลายจดหมายฉบับนั้น และสั่งให้ตำรวจเมืองเข้าสลายม็อบด้วยกำลัง การสลายม็อบจึงเป็นไปด้วยความรุนแรงจนทำให้มีคนบาดเจ็บและล้มตาย ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนกล่าวโทษองค์ชายหาว่าท่านเป็นคนออกคำสั่งให้ทำร้ายประ
ชาชน เหล่าขุนนางไปคุกเข่าต่อพระราชาขอให้ถอดถอนองค์ชายออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ และพระมเหสีสั่งให้ขุนนางฝ่าย No Ron เตรียมการถอดถอนองค์ชายออกจากตำแหน่งรัชทายาทด้วย และแอบสั่งรัฐมนตรีใกล้ชิดให้ไปตามพี่ชายของนางกลับมาด้วย เพื่อเตรียมเรื่องรัชทายาทองค์ใหม่
ที่สำนักจิตรกร เหล่าขุนนางจิตรกรก็ใช้ข้ออ้างจากความล้มเหลวขององค์ชาย เพื่อไล่ซงยอนออกจากการเป็นจิตรกรฝึกหัด แต่ซงยอนไม่ยอม (ต้องลองไปชมกันนะคะว่าซงยอนค้านยังไง) ขุนนางจิตรกร Tak โกรธ ซงยอนมาก ทั้งเรื่องที่ชนะการประกวดได้อันดับ 5 (ซึ่งเขาไม่ติดอันดับ 1 ใน 5) และเรื่องที่ซงยอนได้เป็นจิตรกรฝึกหัด ทำให้เขาพาลไม่ยอมทำงานของตน และเอาไปโยนให้ซงยอน ซึ่งงานชิ้นนี้ต้องส่งพรุ่งนี้ นอกจากเวลาที่จำกัดแล้ว ยังขาดสีที่ต้องใช้อีกด้วย พวกทาโมจึงร่วมใจกันแก้ปัญหา โดยให้ซงยอนใช้สีแดงที่ใช้แต่งหน้าของพวกตนมาใช้ในการวาดรูป
องค์ชายเองก็ทราบว่าประกาศฉบับนั้นคงต้องถูกยกเลิก พระองค์ทรงรู้สึกเสียพระทัยต่อกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด จึงเสด็จเป็นการส่วนพระองค์เพื่อไปขอโทษต่อคนเหล่านั้น แทนที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะกล่าวโทษ กลับให้กำลังใจและขอบคุณองค์ชายที่ทำให้พวกเขามีความสุข สามารถค้าขายได้อย่างเสรีในหลายวันที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีขุนนางรุ่นเดียวกับฮงคุกยอง เลื่อมใสในพระปรีชาขององค์ชาย จึงมาขอเข้าร่วมงานกับทีมขององค์ชายด้วย
ในที่สุด พระราชาก็ถอดองค์ชายออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ
part 23
การที่พระมเหสีเรียกตัวพี่ชายของนางกลับเข้าวัง เพื่อให้เป็นผู้ดูแลองค์ชาย 2 พระองค์ (เป็นน้องชายขององค์ชายรัชทายาท) ซึ่งพระนางตั้งใจให้ 1 ในองค์ชายขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ต่อไป และพระนางจะได้ปกครองประเทศ โดยใช้องค์ชายนั้นเป็นหุ่นเชิด
ด้วยสำนึกต่อความผิดของตน และเพื่อมิให้ตนเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายตรงข้ามใช้กำจัดองค์ชาย ฮงคุกยองจึงขอลาออกจากตำแหน่ง ส่วนองค์ชายก็ถูกพระราชาตำหนิ จนทำให้องค์ชายรู้สึกเสียใจและท้อ จึงเก็บตัวอยู่แต่ในตำหนัก มิยอมออกไปพบปะผู้ใด ผู้ใกล้ชิดล้วนแต่เป็นห่วง ซงยอนรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ จึงรวบรวมผลงานการฝึกวาดรูปของเหล่าทาโม (ซึ่งซงยอนได้รับอนุญาตให้สอนทาโมวาดรูป) ฝากให้เทซูนำไปมอบให้องค์ชาย ซึ่งองค์ชายก็เข้าใจถึงสิ่งที่ซงยอนฝากบอกมากับผลงานนั้น และทำให้พระองค์ทรงได้คิดว่ามิควรเศร้าโศกอยู่แต่กับตนเพียงผู้เดียว ยังมีผู้ได้ประโยชน์จากสิ่งที่พระองค์ได้ทำลงไป
ที่สำนักจิตรกร ขุนนางผู้ปกครองสำนักกำลังชมเชยขุนนางจิตรกร Tak ที่วาดแผนที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ไม่มีขุนนางจิตรกรคนใดวาดแผนที่ได้สำเร็จเลย โดยอ้างว่าขาดแคลนสี ซึ่งขุนนางจิตรกร Tak ก็อ้ำอึ้งและไม่กล้าที่จะยอมรับว่า ซงยอนเป็นผู้วาด
ด้านองค์หญิงฮวาวานได้รับแจ้งจากฌองฮูคยอม ว่า ตอนนี้ไต้เท้าคิมกวีจูได้กลับสู่วังหลวงแล้ว และได้นำองค์ชายทั้ง 2 มาด้วย คาดว่าน่าจะมาเพื่อถอดถอนองค์ชายรัชทายาท และให้ 1 ใน 2 องค์ชายนั้นขึ้นเป็นรัชทายาทแทน เนื่องจากองค์ชายยังทรงพระเยาว์ หากได้ขึ้นครองราชย์ พระมเหสีก็จะเป็นผู้สำเร็จราชการ หากเป็นดังเช่นที่องค์หญิงฮวาวานคาดไว้ พระมเหสีต้องกำจัดนางออกให้พ้นทางอย่างแน่นอน
องค์ชายเสด็จออกจากวังเพื่อศึกษาวิถีชีวิต ความเข้าใจ ความคิด ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน โดยไปเยี่ยมชมตลาดมืด ขณะนั้นเอง กลุ่มพ่อค้าตลาดบนดินก็เข้ามาทำลายข้าวของ พร้อมทั้งทุบตีพ่อค้าตลาดมืด และได้พบหมอดูที่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้านว่าทายแม่นมาก หมอดูได้ทำนายองค์ชายว่า เขาจะมีชีวิตอยู่โดยมีความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ไต้เท้าคิมกวีจูวางแผนกำจัดองค์ชาย โดยใช้ระเบิดในงานเฉลิมฉลองสิ้นปี
องค์ชายจะเป็นไปตามคำทำนายของหมอดูหรือไม่ หมอดูจะแม่นจริงหรือเปล่า รอชมตอนต่อไปนะจ๊ะ
การที่ไม่มีเรือสินค้าเข้าเมืองหลวง เป็นเพราะขุนนางฝ่าย No Ron ได้วางแผนให้พ่อค้าเผาสินค้าของตนเอง และไปกว้านซื้อสินค้าทั้งหมด โดยให้ราคาสูงถึงสองเท่าจากปกติ และให้พ่อค้าเหล่านั้นปิดกิจการ จนกว่าองค์ชายจะยกเลิกการขึ้นทะเบียนของกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด จึงทำให้ในตลาดไม่มีสินค้าขาย และสินค้าเดิมที่มีอยู่ก็มีราคาแพงขึ้น
หลังจากองค์ชายทราบเรื่องดังกล่าว ทรงเป็นห่วงราษฎรที่ขาดแคลน จึงมีคำสั่งให้นำเกลือและฟืนซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากออกแจกจ่ายแก่ประชาชน และให้ฮงคุกยองไปติดต่อเรือสินค้าอื่นๆ ที่ไม่ได้ติดต่อกับพ่อค้าเหล่านั้น
ที่สำนักจิตรกรก็เกิดปัญหาขาดแคลนเช่นกัน จึงส่งผลให้การวาดบานพับ (ผู้เขียน – มักจะวาดรูปเป็นรูปดอกไม้ต่างๆ ที่เป็นมงคล เพื่อเป็นการอวยพรแด่ผู้ที่ได้รับให้ตั้งครรภ์โดยเร็ว) เพื่อถวายแด่ชายาขององค์ชายล่าช้าไปด้วย ซึ่งพระชายาก็ทรงเข้าพระทัยในสถานการณ์นี้ และยังพูดคุยกับซงยอนด้วยดี แต่ซังกุงต้นห้องพระชายาพูดกับซงยอนไม่ค่อยดีนัก ซึ่งเป็นผลมาจากข่าวลือขององค์ชายกับซงยอนนั่นเอง
แผนต่อไปของขุนนางฝ่าย No Ron คือ การติดประกาศวิจารณ์การทำงานขององค์ชายเรื่องการขึ้นทะเบียนของกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด ซึ่งส่งผลให้เกิดการขาดแคลนสินค้า และทำให้ประชาชนเดือดร้อน เมื่อเรื่องนี้ถูกนำเข้าสู่วาระการประชุมของเหล่าขุนนางกับองค์ชาย ขุนนางต่างลงความเห็นว่าความเดือดร้อนที่ประชาชนได้รับอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะประกาศฉบับนั้นขององค์ชาย และขอให้องค์ชายยกเลิกประกาศดังกล่าวด้วย (เหล่าขุนนางไม่คิดช่วยหาวิธีแก้ไข แต่ต้องการให้ยกเลิกประกาศ) แต่องค์ชายยังทรงยืนกรานที่จะหาวิธีแก้ไขต่อไป
นอกจากติดประกาศทั่วเมืองแล้ว ขุนนางฝ่าย No Ron ยังใช้เงินจ้างกลุ่มม็อบให้รวมตัวกัน ซึ่งฮงคุกยองก็หลงกลนี้ จึงส่งจดหมายออกคำสั่งให้ตำรวจเมืองสลายม็อบ และย้ำมิให้ใช้กำลัง มิให้มีผู้ใดได้รับอันตราย แต่ฌองฮูคยอมก็ทำลายจดหมายฉบับนั้น และสั่งให้ตำรวจเมืองเข้าสลายม็อบด้วยกำลัง การสลายม็อบจึงเป็นไปด้วยความรุนแรงจนทำให้มีคนบาดเจ็บและล้มตาย ทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ประชาชนกล่าวโทษองค์ชายหาว่าท่านเป็นคนออกคำสั่งให้ทำร้ายประ
ชาชน เหล่าขุนนางไปคุกเข่าต่อพระราชาขอให้ถอดถอนองค์ชายออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ และพระมเหสีสั่งให้ขุนนางฝ่าย No Ron เตรียมการถอดถอนองค์ชายออกจากตำแหน่งรัชทายาทด้วย และแอบสั่งรัฐมนตรีใกล้ชิดให้ไปตามพี่ชายของนางกลับมาด้วย เพื่อเตรียมเรื่องรัชทายาทองค์ใหม่
ที่สำนักจิตรกร เหล่าขุนนางจิตรกรก็ใช้ข้ออ้างจากความล้มเหลวขององค์ชาย เพื่อไล่ซงยอนออกจากการเป็นจิตรกรฝึกหัด แต่ซงยอนไม่ยอม (ต้องลองไปชมกันนะคะว่าซงยอนค้านยังไง) ขุนนางจิตรกร Tak โกรธ ซงยอนมาก ทั้งเรื่องที่ชนะการประกวดได้อันดับ 5 (ซึ่งเขาไม่ติดอันดับ 1 ใน 5) และเรื่องที่ซงยอนได้เป็นจิตรกรฝึกหัด ทำให้เขาพาลไม่ยอมทำงานของตน และเอาไปโยนให้ซงยอน ซึ่งงานชิ้นนี้ต้องส่งพรุ่งนี้ นอกจากเวลาที่จำกัดแล้ว ยังขาดสีที่ต้องใช้อีกด้วย พวกทาโมจึงร่วมใจกันแก้ปัญหา โดยให้ซงยอนใช้สีแดงที่ใช้แต่งหน้าของพวกตนมาใช้ในการวาดรูป
องค์ชายเองก็ทราบว่าประกาศฉบับนั้นคงต้องถูกยกเลิก พระองค์ทรงรู้สึกเสียพระทัยต่อกลุ่มพ่อค้าตลาดมืด จึงเสด็จเป็นการส่วนพระองค์เพื่อไปขอโทษต่อคนเหล่านั้น แทนที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะกล่าวโทษ กลับให้กำลังใจและขอบคุณองค์ชายที่ทำให้พวกเขามีความสุข สามารถค้าขายได้อย่างเสรีในหลายวันที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีขุนนางรุ่นเดียวกับฮงคุกยอง เลื่อมใสในพระปรีชาขององค์ชาย จึงมาขอเข้าร่วมงานกับทีมขององค์ชายด้วย
ในที่สุด พระราชาก็ถอดองค์ชายออกจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ
part 23
การที่พระมเหสีเรียกตัวพี่ชายของนางกลับเข้าวัง เพื่อให้เป็นผู้ดูแลองค์ชาย 2 พระองค์ (เป็นน้องชายขององค์ชายรัชทายาท) ซึ่งพระนางตั้งใจให้ 1 ในองค์ชายขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ต่อไป และพระนางจะได้ปกครองประเทศ โดยใช้องค์ชายนั้นเป็นหุ่นเชิด
ด้วยสำนึกต่อความผิดของตน และเพื่อมิให้ตนเป็นจุดอ่อนที่ฝ่ายตรงข้ามใช้กำจัดองค์ชาย ฮงคุกยองจึงขอลาออกจากตำแหน่ง ส่วนองค์ชายก็ถูกพระราชาตำหนิ จนทำให้องค์ชายรู้สึกเสียใจและท้อ จึงเก็บตัวอยู่แต่ในตำหนัก มิยอมออกไปพบปะผู้ใด ผู้ใกล้ชิดล้วนแต่เป็นห่วง ซงยอนรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญ จึงรวบรวมผลงานการฝึกวาดรูปของเหล่าทาโม (ซึ่งซงยอนได้รับอนุญาตให้สอนทาโมวาดรูป) ฝากให้เทซูนำไปมอบให้องค์ชาย ซึ่งองค์ชายก็เข้าใจถึงสิ่งที่ซงยอนฝากบอกมากับผลงานนั้น และทำให้พระองค์ทรงได้คิดว่ามิควรเศร้าโศกอยู่แต่กับตนเพียงผู้เดียว ยังมีผู้ได้ประโยชน์จากสิ่งที่พระองค์ได้ทำลงไป
ที่สำนักจิตรกร ขุนนางผู้ปกครองสำนักกำลังชมเชยขุนนางจิตรกร Tak ที่วาดแผนที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ไม่มีขุนนางจิตรกรคนใดวาดแผนที่ได้สำเร็จเลย โดยอ้างว่าขาดแคลนสี ซึ่งขุนนางจิตรกร Tak ก็อ้ำอึ้งและไม่กล้าที่จะยอมรับว่า ซงยอนเป็นผู้วาด
ด้านองค์หญิงฮวาวานได้รับแจ้งจากฌองฮูคยอม ว่า ตอนนี้ไต้เท้าคิมกวีจูได้กลับสู่วังหลวงแล้ว และได้นำองค์ชายทั้ง 2 มาด้วย คาดว่าน่าจะมาเพื่อถอดถอนองค์ชายรัชทายาท และให้ 1 ใน 2 องค์ชายนั้นขึ้นเป็นรัชทายาทแทน เนื่องจากองค์ชายยังทรงพระเยาว์ หากได้ขึ้นครองราชย์ พระมเหสีก็จะเป็นผู้สำเร็จราชการ หากเป็นดังเช่นที่องค์หญิงฮวาวานคาดไว้ พระมเหสีต้องกำจัดนางออกให้พ้นทางอย่างแน่นอน
องค์ชายเสด็จออกจากวังเพื่อศึกษาวิถีชีวิต ความเข้าใจ ความคิด ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน โดยไปเยี่ยมชมตลาดมืด ขณะนั้นเอง กลุ่มพ่อค้าตลาดบนดินก็เข้ามาทำลายข้าวของ พร้อมทั้งทุบตีพ่อค้าตลาดมืด และได้พบหมอดูที่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้านว่าทายแม่นมาก หมอดูได้ทำนายองค์ชายว่า เขาจะมีชีวิตอยู่โดยมีความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม
ไต้เท้าคิมกวีจูวางแผนกำจัดองค์ชาย โดยใช้ระเบิดในงานเฉลิมฉลองสิ้นปี
องค์ชายจะเป็นไปตามคำทำนายของหมอดูหรือไม่ หมอดูจะแม่นจริงหรือเปล่า รอชมตอนต่อไปนะจ๊ะ
MiRiMonK- Admin
- จำนวนข้อความ : 284
Join date : 24/09/2008
Age : 30
ที่อยู่ : O_o
- Post n°21
part 9 Thai By ****
กษัตริยยองโจเสด็จมาในตอนที่องค์ชายพบว่านักโทษหายไป องค์ชายถวายใบคำสั่งที่มีคำสั่งให้เคลื่อนย้ายนักโทษที่เป็นลายมือของเขาให้กษัตริย์ยองโจทอดพระเนตร
กษัติร์ตรัสว่าลายมือนี้คล้ายลายมือขององค์ชาย แต่องค์ชายแย้งว่าเขาไม่ได้เป็นคนเขียนมัน
ซงยอนที่ถูกจับตัวมา ถูกขังไว้รวมกับผู้หญิงคนอื่นที่กำลังจะถูกบังคับให้เป็นหญิงงามเมือง
ที่ศูนย์ศิลปะ ศิลปินเปรียบเทียบลายมือในใบคำสั่งกับลายมือขององค์ชาย เพื่อดูว่าเป็นของคนเดียวกันหรือเปล่า
จิตกรลีถูกเชิญไปเลี้ยงอาหารที่บ้านที่ซงยอนถูกขังไว้ ซงยอนพยายามตะโกนให้จิตกรลีช่วย แต่จิตกรลีคิดว่าตัวเองหูแว่วไป
จึงไม่สนใจ
แต่เมื่อมาหาซงยอนที่บ้านแต่กลับไม่พบ ลุงปาร์คบอกว่าซงยอนถูกจับตัวไปโดยสำนักหญิงงามเมือง จิตรกรลีจึงจำได้ว่าเขาได้ยินเหมือนเสียงของซงยอนและก็บอกว่าเขารู้ว่าซงยอนอยู่ที่ไหน
เทซูรีบวิ่งไปช่วยซงยอน ซงยอนได้พบกับขันทีนาม ขันทีนามบอกว่าเขาจะกลับไปที่วังและทูลองค์ชายว่าพบตัวซงยอนแล้ว องค์ชายคงจะดีใจมาก
ซงยอนกลับไปที่ศูนย์ศิลปะ และเห็นภาพวาดที่เธอวาดรูปองค์ชายและเธอตอนเด็กก็หลั่งน้ำตาออกมา องค์ชายเข้ามาที่ศูนย์ศิลปะและเห็นเธอ จึงเรียกชื่อเธอ
ซงยอนร้องไห้เพราะไม่คิดว่าองค์ชายจะจำเรื่องของเธอได้ องค์ชายก็บอกว่าเขาไม่เคยลืมสัญญาที่พวกเขาสามคนให้แก่กัน และคิดถึงเธอกับเทซูทุกวัน
ซงยอนก็ยังคงร้องไห้ องค์ชายจึงเช็ดน้ำตาให้ ยิ้มพูดว่าในที่สุดพวกเขาสามคนก็มาพบกันจนได้
(คุณแม่บอกว่าเห็นตั้งยาวแปลได้แค่เนี้ย ขอบคุณคุณแม่นะค๊า น่ารักที่ซู๊ดด)
กษัติร์ตรัสว่าลายมือนี้คล้ายลายมือขององค์ชาย แต่องค์ชายแย้งว่าเขาไม่ได้เป็นคนเขียนมัน
ซงยอนที่ถูกจับตัวมา ถูกขังไว้รวมกับผู้หญิงคนอื่นที่กำลังจะถูกบังคับให้เป็นหญิงงามเมือง
ที่ศูนย์ศิลปะ ศิลปินเปรียบเทียบลายมือในใบคำสั่งกับลายมือขององค์ชาย เพื่อดูว่าเป็นของคนเดียวกันหรือเปล่า
จิตกรลีถูกเชิญไปเลี้ยงอาหารที่บ้านที่ซงยอนถูกขังไว้ ซงยอนพยายามตะโกนให้จิตกรลีช่วย แต่จิตกรลีคิดว่าตัวเองหูแว่วไป
จึงไม่สนใจ
แต่เมื่อมาหาซงยอนที่บ้านแต่กลับไม่พบ ลุงปาร์คบอกว่าซงยอนถูกจับตัวไปโดยสำนักหญิงงามเมือง จิตรกรลีจึงจำได้ว่าเขาได้ยินเหมือนเสียงของซงยอนและก็บอกว่าเขารู้ว่าซงยอนอยู่ที่ไหน
เทซูรีบวิ่งไปช่วยซงยอน ซงยอนได้พบกับขันทีนาม ขันทีนามบอกว่าเขาจะกลับไปที่วังและทูลองค์ชายว่าพบตัวซงยอนแล้ว องค์ชายคงจะดีใจมาก
ซงยอนกลับไปที่ศูนย์ศิลปะ และเห็นภาพวาดที่เธอวาดรูปองค์ชายและเธอตอนเด็กก็หลั่งน้ำตาออกมา องค์ชายเข้ามาที่ศูนย์ศิลปะและเห็นเธอ จึงเรียกชื่อเธอ
ซงยอนร้องไห้เพราะไม่คิดว่าองค์ชายจะจำเรื่องของเธอได้ องค์ชายก็บอกว่าเขาไม่เคยลืมสัญญาที่พวกเขาสามคนให้แก่กัน และคิดถึงเธอกับเทซูทุกวัน
ซงยอนก็ยังคงร้องไห้ องค์ชายจึงเช็ดน้ำตาให้ ยิ้มพูดว่าในที่สุดพวกเขาสามคนก็มาพบกันจนได้
(คุณแม่บอกว่าเห็นตั้งยาวแปลได้แค่เนี้ย ขอบคุณคุณแม่นะค๊า น่ารักที่ซู๊ดด)
panparksa- จำนวนข้อความ : 12
Join date : 23/11/2008
Age : 32
ที่อยู่ : คุราคุร่า
- Post n°22
Re: เรื่องย่่ออีซัน : popcorn
ขอบคุณคับบบบบบบเมี้ยวววววววววววววววววว